พบวิธีลดความอ้วนให้ผลเทียบผ่าตัดกระเพาะอาหาร เดือนเดียวลงกว่า 6 กิโลกรัม แต่ไม่ต้องผ่าตัด!

ทีมนักวิจัยจากอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอนคิดค้นวิธีการรักษาโรคอ้วน ให้ผลเทียบเท่าการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร โดยสังเคราะห์สารเลียนแบบฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกอิ่ม ทดลองแล้วพบช่วยลดเฉลี่ย 6 กิโลกรัมใน 1 เดือน เชื่อจะเป็นวิธีการรักษาโรคอ้วนที่มีประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่เคยมีมา

5 พฤษภาคม 2561 แหล่งข่างต่างประเทศรายงานผลการทดลองอันน่าตื่นตะลึงในการคิดค้นหาวิธีรักษาโรคอ้วน โดยทีมนักวิจัยจากราชวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และแพทย์ศาสตร์ หรือ Imperial College London พบวิธีการช่วยลดน้ำหนักในผู้ป่วยโรคอ้วน ทำให้รู้สึกอยากอาหารน้อยลงและทานอาหารน้อยลงกว่าปกติราว 30% ซึ่งให้ผลเหมือนกับการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร เพียงแต่วิธีที่ค้นพบใหม่นี้ไม่จำเป็นต้องมีการผ่าตัดเลย

ก่อนหน้านี้มีความเข้าใจต่อกลไกการลดความอ้วนด้วยวิธีผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหารว่า เมื่อลดความจุของกระเพาะอาหารลง จึงกินอาหารน้อยลง ทำให้น้ำหนักลดลงตาม แต่ล่าสุดได้ค้นพบเพิ่มเติมว่าคนไข้ที่ได้รับการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะมีการหลั่งกลุ่มฮอร์โมน satiety hormone เพิ่มขึ้นด้วย อันทำหน้าที่ส่งสัญญาณบอกความรู้สึกหิวหรืออิ่มไปที่สมอง ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอิ่มง่ายกว่าเดิม และมีความอยากอาหารมันๆ ลดลง

จากการค้นพบดังกล่าวทีมวิจัยจึงได้สังเคราะห์สารที่ออกฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนกลุ่มนั้นขึ้นมา และจากการทดลองให้ฮอร์โมนสังเคราะห์ดังกล่าวกับกลุ่มตัวอย่าง 20 คน ด้วยวิธีใช้แผ่นแปะ (patch) และเครื่องปั๊ม (pump) เป็นเวลา 28 วัน พบว่าช่วยให้ทุกคนสามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง 1.8 – 8.6 กิโลกรัม อีกทั้งในกลุ่มทดลองที่เป็นโรคเบาหวาน ก็สามารถหยุดยาควบคุมเบาหวานในช่วงนี้ได้โดยไม่เป็นอันตรายด้วย

ศาสตราจารย์เซอร์สตีฟ บลูม ผู้นำทีมวิจัยและหัวหน้าแผนกโรคอ้วน ต่อมไร้ท่อวิทยา และการเผาผลาญพลังงาน เผยว่า มีความคาดหวังอย่างยิ่งว่าภายใน 5 ปี มันจะสามารถเป็นวิธีการรักษาโรคอ้วนที่มีประสิทธิภาพทัดเทียมกับการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร แต่อาศัยเพียงการฉีดยาเดือนละครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นนอกจากรักษาโรคอ้วนแล้ว จะยังใช้กับผู้ที่ต้องการควบคุมอาหารได้ด้วยโดยกำหนดสัดส่วนของยาให้เหมาะสม

ทั้งนี้ในขณะนี้ทีมวิจัยกำลังดำเนินการทดลองกับคนให้เสร็จสมบูรณ์ตามกระบวนการ และจะมีการเผยแพร่รายละเอียดการวิจัยในวารสารทางการแพทย์เป็นลำดับต่อไป

 
ที่มา: independent, dailymail
ภาพ: Steve Baker/flickr