HOT SPOT: ทานอาหาร ‘ใจ’ อย่างไทย บอกรักต้นไม้และบ้านโบราณที่ ‘อากาศดี’

“ไม่น่าเชื่อว่าจะมีร้านอาหารในสวนร่มรื่นขนาดนี้อยู่ใจกลางกรุงเทพฯ” เป็นความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวเราเมื่อก้าวเข้าสู่สวนสวยเขียวขจีใต้ร่มหูกวางและมะขามต้นใหญ่ กลางซอยประดิพัทธ์ 10 และเป็นคำถามที่คุณนก-พชรพรรณ กิตติกรณ์ หนึ่งในเจ้าของร้านอาหารไทยร่วมสมัย “อากาศดี” ถูกถามอยู่บ่อยครั้งจากลูกค้าที่แวะเวียนมาเช่นกัน

อากาศดี เป็นร้านอาหารที่หาทำเลได้ก่อนชื่อร้าน ดั้งเดิมตั้งอยู่ในหมู่บ้านสัมมากร ซอยรามคำแหง 110 ซึ่งเป็นโลเกชั่นที่ตอบโจทย์คุณนกและหุ้นส่วนว่าอยากได้พื้นที่ใช้เวลาร่วมกันของครอบครัว และเมื่อย้ายร้านมายังสถานที่ใหม่ย่านสะพานควายก็ยังคงคอนเซ็ปท์นี้ไว้เช่นเดิม โดยแบ่งเป็นโซนอาหารอยู่ที่สวนด้านนอกและในห้องกระจกหลังคาสูงที่ดูโปร่งโล่งตาอันเป็นเอกลักษณ์ของร้าน ส่วนโซนกาแฟและขนมอยู่ที่ชั้นแรกของบ้านสวยหลังโบราณ 2 ชั้นสีขาวนวล

“เราพยายามคิดชื่อร้านอยู่นานมาก ก่อนหน้านี้ก็เคยคิดชื่อภาษาอังกฤษหลายชื่อ แต่สรุปไม่ได้ซักทีเพราะคิดว่ามันยังไม่ใช่เรา ก่อนจะมาเป็นอากาศดีในที่สุด” คุณนก หุ้นส่วนเชฟหญิงเก่งผู้ดูแลเรื่องอาหารและมู้ดแอนด์โทนของร้าน พูดให้เราฟังถึงที่มาของ Thai design cafe แห่งนี้

อาหารที่อากาศดีทุกจานเน้นความประณีต พิถีพิถัน และใส่ใจในทุกขั้นตอนการประกอบ เราสามารถสัมผัสได้หลังจากคำแรกที่ชิมและเชื่อว่าลูกค้าจะรับรู้ได้ในทุกๆ คำ

“กระเทียม กากหมู ถั่ว คั่วใหม่ทุกวัน ในครัวจะทำงานยากและจะทำงานช้า คนที่ทำงานมาจากที่อื่นจะบอกว่าที่นี่ทำงานยากมาก เพราะรายละเอียดเยอะ แต่เราอยากให้รู้สึกว่า เราก็กินยำเหมือนกัน กินข้าวคลุกกระเทียมเหมือนกัน แต่ทำไมมันรู้สึกพิเศษ มันพิเศษเพราะว่าวัตถุดิบมันใหม่ มันดี และของที่ใช้ทั้งหมด ไม่มีสารเคมีเลย ไม่มีผงชูรส ไม่มีสารปรุงแต่งรสเลย” คุณนกเล่าอย่างมุ่งมั่น

แรงบันดาลใจหลักของคุณนกมาจากความรู้สึกที่อยากจะจับคู่อาหารไทยใหม่ให้ออกมาสนุก เป็นเมนูที่ลูกค้าเห็นแล้วอยากจะลอง โดยถ่ายทอดความสุขจากรสชาติที่เธอชอบ เพราะเชื่อว่า อากาศดี เป็นเหมือนบ้านที่อยากจะให้แขกที่มาเยี่ยมเยือนได้ลิ้มรสมือและรสปากของเจ้าของบ้าน “อาหารที่ร้านเราไม่เรียกว่าฟิวชั่น เรารู้สึกว่าฟิวชั่นมันเป็นอะไรที่ไม่รำลึกถึงสิ่งเก่า มันใหม่เกินไป แต่อันนี้มันต้องรำลึกถึงรากเหง้าได้ด้วย อย่างเมี่ยง กินแล้วเราก็ต้องคิดถึงเมี่ยงคำด้วย และทุกอย่างเป็นรสที่เราถูกใจ ฉะนั้นเราจะเรียกว่า อาหารไทยร่วมสมัยมากกว่า คือเราประยุกต์ให้คล่องตัว เหมาะกับยุคสมัยมากขึ้น”

คุณนกเสริมว่าเธอยึดหลักการประกอบอาหารตามพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงสอนให้คนไทยอยู่ร่วมกับธรรมชาติ โดยไม่ใช้วัตถุดิบข้ามฤดูและจะใช้วัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่นมาปรุงเท่านั้น ตัวอย่างเมนูเด็ดของเธอคือสปาเก็ตตี้สะตอผัดกะปิกุ้ง ที่เธอบอกว่าลูกค้าจะได้ทานอีกครั้งในช่วงเดือนพฤษภาคมปีหน้า ส่วนอาหารที่มีอยู่ในเมนูตอนนี้ก็มั่นใจได้ว่าเป็นพืชผักที่งอกงามและรสชาติดีที่สุดในฤดูกาลนี้

ยำเมี่ยงอากาศดี (225 บาท) เป็นอาหารจานแรกที่คุณนกเชิญให้เราชิม เธอตั้งใจปรับให้เป็นเมนูทานง่าย ทานแล้วสดชื่น เปลี่ยนจากน้ำเมี่ยงข้นๆ แบบดั้งเดิม มาเป็นน้ำยำใสๆ รสชาติเปรี้ยวหวานตัดกันลงตัว แต่ยังคงเครื่องเมี่ยงไว้อย่างครบถ้วนทั้งกุ้งแห้ง ถั่วลิสง ขิงสด หอมแดง มะนาว และพริกขี้หนูสวน รองจานด้วยใบชะพลู ทานพร้อมกุ้งลวกเนื้อหวาน คุณนกเล่าว่าเมนูนี้เป็น “เมนูกับระเบิด” เพราะหากทานขิงหั่นเต๋าพร้อมพริกขี้หนูซอยไปในคำเดียวกัน อาจจะเหงื่อออกได้โดยไม่รู้ตัว

ถัดมาคือ หมูหมักซอสดำไข่เยิ้ม (185 บาท) เมนูโปรดของคนไม่ทานเผ็ด คุณนกนำหมูสามชั้นสไลด์แผ่นบางมาหมักกับซอสดำของไทย 5 ชนิด ก่อนจะนำมาผัดกับพริกแห้งและหัวหอมใหญ่ โรยด้วยต้นหอมซอย ทานพร้อมข้าวสวยที่โปะด้วยไข่ดาวเยิ้มๆ หนึ่งใบ เราแนะนำว่าให้คลุกไข่ หมู และข้าวเข้าด้วยกัน ความมันของไข่แดง รสเค็มหวานพอดีของหมูเนื้อนุ่ม และกลิ่นอ่อนๆ กับความนุ่มของข้าวหอมมะลิหุงร้อนๆ เมื่อรวมกันแล้วเป็นความลงตัวที่ทุกคนต้องติดใจ!

อีก 2 เมนูแนะนำคือ หมูสับปลาเค็มคลุกไข่แดง (245 บาท) เนื้อหมูสับคลุกปลาเค็มหอมๆ ทอดจนแห้งแบบกรอบนอกนุ่มใน เพิ่มความมัน รสสัมผัสและสีสันด้วยไข่เค็มไชยา เหมาะจะทานกับข้าวสวยหรือข้าวกล้อง และสปาเก็ตตี้ไส้อั่วคั่วพริกแห้ง (285 บาท) เส้นสปาเก็ตตี้ที่นำมาคั่วเครื่องเทศจนหอม ก่อนจะผัดด้วยไส้อั่วเจ้าพิเศษสูตรลำปาง ทานแกล้มผักชีลาวเพื่อความหอมยิ่งขึ้น

Find it:

Ahh Kard D

081-889-9983

10.30-22.00 น.