ถ้าการแงะตัวจากเตียงเป็นเรื่องช่างยากเย็นเหลือเกินในทุกเช้า คุณอาจมีภาวะ Dysania!

“I’m not a moring person, obviously.” ประโยคนี้จากรายการ This is me Vatanika EP. 5 ที่แปลได้ว่า ฉันไม่ใช่พวกคนตื่นเช้าอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะจ้ะ หลายคนดูแล้วก็พยักหน้าหงึก ๆ ตามอย่างเห็นด้วยสุด ๆ ก็ไม่ใช่คนที่ตื่นแล้วจะแงะตัวเองอกมาจากที่นอนได้ง่าย ๆ เหมือนกัน แต่คุณรู้ไหมถ้าคุณมีอาการเช่นนี้อยู่เป็นนิจ มันอาจเป็นอาการของภาวะ Dysania ก็ได้นะ!

“Dysania” (ดิสซาเนีย) หรือ “Clinomania” (คลิโนมาเนีย) เป็นภาวะอาการที่ยังไม่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการตามการแพทย์ แต่ก็เป็นภาวะที่มีคนประสบอยู่จริง ๆ คืออาการที่การงัดตัวเองออกมาจากที่นอนเป็นเรื่องแสนลำบากยากเย็น รู้สึกลุกไม่ขึ้น ออกจากที่นอนไม่ไหว ห่อเหี่ยวไม่มีใจจะลงจากเตียง ไม่ใช่แค่ตื่นมาแล้วงัวเงียเมาขี้ตาเฉย ๆ แต่ได้ฟังอย่างนี้แล้วอย่าเพิ่งฟังธงฉับว่าที่คุณตื่นไม่ไหว รู้สึกเตียงดูดในทุก ๆ เช้าก็เพราะมีภาวะดิสซาเนีย เพราะบางทีมันก็อาจแค่อาการ “ขี้เกียจ” เฉย ๆ หรือเหนื่อยล้าเพราะนอนไม่พอเหมือนที่เราต่างเป็นกันบ่อย ๆ ก็ได้

แล้วการแยกภาวะ Dysania ออกจากความขี้เกียจจะทำอย่างไร? ลองแยกง่าย ๆ ด้วยการนึกถึงคำที่คุณใช้จะอธิบายอาการไม่อยากลุกจากเตียงของตัวเอง หากเป็นความเหนื่อย ท้อ รู้สึกยุ่งยาก หรือเป็นความท้าทาย ยินดีด้วย ที่จริงคุณแค่รู้สึกขี้เกียจเฉย ๆ อาจเพราะนอนดึกหรือนอนไม่พอ แต่ถ้าอธิบายอาการไม่อยากลุกจากเตียงของตัวเองว่าเป็นเพราะความเครียดอย่างหนัก มีความจิตตกวิตกกังวล ต่อต้านความเหนื่อยล้าภายในไม่ได้ รู้สึกอ่อนเพลียไม่มีเรี่ยวมีแรง เหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของภาวะดิสซาเนียได้ ซึ่งบ่อยครั้งก็พบว่าผู้ป่วยโรคซึมเศร้า โรคเครียด มีภาวะอ่อนเพลียเรื้อรัง ก็มีภาวะดิสซาเนียร่วมด้วย

ภาพ Christian Fregnan / Unsplash

แต่ไม่ว่าคุณจะคิดว่าตัวเองเป็นแค่คนขี้เกียจขี้เซาเฉย ๆ หรือมีความเสี่ยงเข้าข่ายภาวะดิสซาเนีย วิธีดูแลตัวเองก่อนอย่างง่าย ๆ ก็คือนอนหลับให้เพียงพอ ควรนอนหลับให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน ถ้ารู้ตัวว่าตื่นสายก็อาจต้องขยับเวลาเข้านอนให้ไวขึ้น พยายามสร้างวินัยเข้านอน-ตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกวัน การออกกำลังกายสม่ำเสมอก็ช่วยให้หลับง่ายหลับสนิทขึ้น เป็นวิธีที่ดีสำหรับคนที่มีปัญหานอนหลับยาก

แต่หากลองทำดูทั้งหมดแล้วอาการแงะตัวเองจากเตียงไม่ไหวก็ยังคงอยู่ บางทีคงดีกว่าถ้าจะเข้าปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการและหาสาเหตุเพื่อรับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป

ที่มา: Ladbible, theriseandshine