ผลวิจัยพบผู้หญิงทำงานหนักเกิน 45 ชม./สัปดาห์ เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน!

• ผลวิจัยพบหญิงที่ทำงานตั้งแต่ 45 ชม./สัปดาห์ขึ้นไป มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นถึง 63% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่มีชั่วโมงทำงานต่ำกว่า แถมไม่พบแนวโน้มสุ่มเสี่ยงเดียวกันในเพศชาย
• เมื่อเทียบกับผู้ชาย นอกจากหน้าที่การงานแล้วผู้หญิงมักมีภาระต้องรับผิดชอบเรื่องงานบ้านด้วย ทำให้ทำงานหนัก เหนื่อย ทั้งนอกและในบ้าน

ผลงานวิจัยความเสี่ยงเบาหวานกับการทำงานของผู้หญิง ได้รับการเผยแพร่ในวารสารด้านโรคเบาหวาน BMJ Open Diabetes Research & Care เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา จากการติดจากสุขภาพชาวแคนาดาจำนวน 7,065 รายต่อเนื่องเป็นเวลา 12 ปี พบว่าหญิงกลุ่มที่ทำงาน 45 ชั่วโมง/สัปดาห์ หรือมากกว่านี้ขึ้นไป มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นถึง 63% เทียบกับหญิงกลุ่มที่มีชั่วโมงทำงาน 35-40 ชั่วโมง/สัปดาห์

แม้จะอุปนิสัยอย่างการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ การออกกำลังกาย และดัชนีมวลกาย เป็นปัจจัยร่วมประเมินความเสี่ยงแล้ว ความสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานก็ยังสูงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ทำงานหนักอยู่ดี ขณะที่ในเพศชายไม่พบว่ามีความสุ่มเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นแม้มีชั่วโมงทำงานยาวนานเช่นกัน

Mahée Gilbert-Ouimet บัณฑิตปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยโตรอนโต แคนาดา ที่มีคลุกคลีในแวดวงด้านสุขภาพสตรีมากว่า 12 ปี ผู้นำการวิจัย ระบุว่ายังไม่สามารถสรุปได้ว่าเหตุได้ความสุ่มเสี่ยงต่อโรคเบาหวานจึงพบเฉพาะในผู้หญิง แต่ตั้งข้อสันนิษฐานว่าอาจมาจากกิจกรรมที่ทำนอกชั่วโมงทำงาน โดยในผู้หญิงนั้นมักยังต้องรับผิดชอบงานบ้านด้วย จึงมีความเครียดมากกว่าและเป็นสิ่งที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้มากกว่าเพศชาย นอกจากนี้ยังมีประเด็นความไม่ทัดเทียบระหว่างชาย-หญิง เมื่อดูในกลุ่มผู้ที่ทำงานหนัก แม้จะมีชั่วโมงทำงานเท่ากัน ผู้หญิงมักได้ค่าตอบแทนน้อยกว่าผู้ชาย เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความเครียดอันส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาจาก Orfeu Buxton ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมชีวภาพสุขภาพ (biobehavioral health) จาก Pennsylvania State University ชี้ว่า สิ่งทำให้เกิดความเสี่ยงขึ้นในกลุ่มหญิงที่มีชั่วโมงทำงานยาวนาน น่าจะมาจากเวลาพักผ่อนที่มีน้อย อันทำให้คนกลุ่มนี้ละเลยการกินอาหารที่ดีและการออกกำลังกาย นอนหลับไม่เพียงพอ ซึ่งล้วนส่งผลเสียต่อสุขภาพ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานด้วย

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2030 โลกจะมีประชากรที่เป็นโรคเบาหวานแตะถึง 439 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับผู้ป่วยโรคเบาหวานในปี 2010 นับได้ว่าเป็นปัญหาสุขภาพระดับนานาชาติ บุคคลากรด้านสุขภาพต่างเห็นตรงกันว่านอกจากให้ความสำคัญเรื่องยาและวิธีการรักษาโรคเบาหวาน

แล้ว การเข้าใจปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคเพื่อป้องกันความเจ็บป่วย จึงเป็นสิ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
ที่มา: CNN
ภาพ: energepic.com/pexels