วิจัยพบอาการ “อกหัก-ใจสลาย” ทำร้ายหัวใจจริง กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอลงถาวรไม่ต่างคนหัวใจวาย

อกหัก-หัวใจสลายทำให้หัวใจอ่อนแอ ไม่ได้เป็นแค่คำพูดเปรียบเปรยอีกต่อไป เมื่่อนักวิจัยจากสกอตแลนด์พบว่า อาการหัวใจสลาย หรือ broken heart นั้นส่งผลกระทบทำร้ายหัวใจได้เช่นเดียวกับการหัวใจวาย ทั้งส่งผลต่อสุขภาพหัวใจถาวร ไม่ใช่หายเองได้อย่างที่เคยเข้าใจ

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 เว็บไซต์เดลี่เมลเผยผลงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยอะเบอดีน ของสกอตแลนด์ ที่ได้นำไปรายงานในที่ประชุม American Heart Association Scientific Sessions ว่า อาการใจสลายหรือ Broken heart syndrome หรือ Takotsubo syndrome อันเกิดจากภาวะตึงเครียดจัดจากการสูญเสียคนที่รักไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อน หรือคนรักนั้น มีผลทำให้กล้ามเนื้อหัวใจชะงักและอ่อนแอลง อันเป็นผลกระทบที่แพทย์ยอมรับว่าเกิดขึ้นได้จริง โดยผลเสียหายต่อหัวใจนั้นเป็นเพียงอาการชั่วคราวและสามารถหายได้เอง แต่การศึกษาใหม่นี้ได้พบว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับหัวใจไม่อาจหายได้เองตามกาลเวลา อาการใจสลายได้ทำร้ายหัวใจให้อ่อนแอลงอย่างถาวร ไม่ต่างจากผู้ป่วยที่เผชิญอาการหัวใจวาย (heart attack)

ผลการศึกษาได้จากการติดตามกลุ่มศึกษา 37 รายที่มีภาวะ Broken heart syndrome อย่างต่อเนื่องเฉลี่ยเป็นเวลาคนละ 2 ปี ระหว่างนั้นมีการทำอัลตราซาวด์และ MRI หัวใจสม่ำเสมอ ได้พบว่าหัวใจที่ชะงักและอ่อนแอลงยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่แม้ว่าจะผ่านเหตุการณ์ใจสลายไปนานแล้ว ผู้ป่วยกลุ่มนี้ยังเหนื่อยง่ายและไม่สามารถออกกำลังกายได้เช่นเดิมด้วย

ดอกเตอร์ดานา ดอว์สัน ผู้นำการวิจัยยังระบุว่า ผู้ป่วย Broken heart syndrome ควรต้องได้รับการดูแลอย่างฉับไว ได้รับการรักษาด้วยยาแบบเดียวกับผู้ป่วยโรคหัวใจที่ประสบอาการหัวใจวาย ตลอดจนควรต้องมีการติดตามดูแลรักษาไปเป็นระยะยาว

ทั้งนี้ ในสหราชอาณาจักรมีผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยด้วย Broken heart syndrome ราว 3,000 ราย แต่คาดว่าในความเป็นจริงอาจมีจำนวนผู้ป่วยสูงกว่านี้มาก โดยผู้หญิงมีความเสี่ยงต่ออาการที่ว่ามากกว่าผู้ชาย

ลักษณะหัวใจของผู้ป่วยอาการ Takotsubo (A) เทียบกับหัวใจปกติ (B) ภาพ: wikipedia

อนึ่ง Broken heart syndrome หรือ Takotsubo syndrome หรือ Takotsubo cardiomyopathy นั้น ถูกศึกษาอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 1991 โดยคำว่า Takotsubo มาจากภาษาญี่ปุ่น อันหมายถึง กับดักจับหมึกยักษ์ที่มีลักษะเหมือนหม้อ จึงตั้งขึ้นเพื่อเรียกชื่ออาการนี้ ที่การชะงักของกล้ามเนื้อหัวใจทำให้หัวใจห้องซ้ายล่างมีรูปร่างผิดปกติไปจากเดิม
ที่มา: Dailymail
ภาพ: Counselling/pixabay