เรื่องเล่าหลังร้านหนังสืออิสระ: ความสุขที่เดิมพันด้วยความฝันขมอมหวาน

July 15, 2018
1711 Views
ตัวเลขล่าสุดที่บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านหนังสือ “ซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์” เปิดเผยคือในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซีเอ็ดฯ ได้ปิดสาขาที่ไม่ทำกำไรไปแล้วกว่า 10 สาขา ฟังดูเป็นเรื่องน่าตกใจไม่น้อยที่ร้านหนังสือเชนสโตร์ใหญ่ๆ ต้องเริ่มปรับกลยุทธ์รับมือกับภาวะ ‘ขาลง’ ของธุรกิจหนังสือเหมือนกัน

ถึงอย่างนั้น จำนวนสาขาที่ลดลงก็ยังถือว่าเยอะกว่าจำนวนร้านหนังสืออิสระและร้านสแตนด์อโลนทั่วประเทศที่เข้าร่วมงานสัปดาห์ร้านหนังสืออิสระครั้งที่ 3 ที่จะจัดขึ้นตลอดสัปดาห์หน้านี้

ใน 55 ร้าน มีน้องใหม่มากกว่า 10 ที่เพิ่งเปิดตัวในรอบปีผ่านมาและเข้าร่วมงานนี้เป็นครั้งแรก น่าจับตาดูว่าจะสร้างแรงกระเพื่อมในธุรกิจหนังสือ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ซบเซาไม่แพ้วัฒนธรรมการอ่านของคนไทยได้มากน้อยแค่ไหน

ที่น่าสงสัยคือ ทำไมคนจำนวนหนึ่งถึงยังเชื่อในพลังของหนังสือและตัดสินใจเดิมพันความฝันด้วยการเปิดร้านหนังสืออิสระ – แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าโอกาสเจ๊งมีมากกว่าเจ๋งหลายเท่าตัว

ร้านหนังสืออิสระน้องใหม่ทั้ง 3 ร้านที่เราได้เข้าไปพูดคุย ต่างมีแรงบันดาลใจ สไตล์ของหนังสือ และวิธีบริหารร้านให้อยู่รอดแตกต่างกัน แต่สิ่งที่เจ้าของร้านทุกคนบอกตรงกันก็คือ-การเปิดร้านหนังสือของตัวเองว่ายากแล้ว, การทำให้ร้านอยู่ต่อไปได้นั้นยากและต้องสู้กว่า

ความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่รัก หนังสือกองโตที่เลือกเองกับมือ และมิตรภาพระหว่างผู้อ่านที่เกิดขึ้นภายในร้าน เพราะอย่างนี้รึเปล่า? พวกเขาถึงกล้าเสี่ยง

เพราะเรื่องอย่างนี้ต่อให้รวบรวมจากร้านหนังสือเชนสโตร์ทั่วประเทศมา…ก็น่าจะยังแพ้ร้านเล็กๆ เหล่านี้ล่ะ

***

 

“บุ๊คบุรี”

ร้านหนึ่งคูหาเล็กๆ ในตึกแถวใกล้ๆ ตลาดเทเวศน์
 

สี่แยกตลาดเทเวศน์ที่จอแจไปด้วยรถรา ร้านขายยา โชห่วยของอาม่า และแม่ค้าที่หาบเร่ขายของ แต่หากใครได้เดินผ่าน “ร้านบุ๊คบุรี” ร้านหนังสือหนึ่งคูหาที่ซ่อนตัวอย่างเงียบเชียบในตึกแถวริมคลองผดุงฯ คงจะแปลกใจในอารมณ์ผ่อนคลายที่ขัดแย้งกับสภาพภายนอก จนเผลอก้าวเท้าเข้าไปหยิบนิตยสารมาอ่าน ไล่สายตาไปตามชั้นหนังสือที่เรียงรายอย่างเพลิดเพลิน

พิมพ์-พิมพ์สุดา วรพงศ์พิเชษฐ หญิงสาววัย 28 ปีเจ้าของร้านหนังสือชื่อคล้ายเมืองในนิทาน พร้อมเปิดประตูให้เราเข้าไปผจญภัยในโลกหนังสือที่เธอสร้างขึ้นมากับมือ

ก่อนจะมาเป็นร้านหนังสืออิสระ

แต่เดิมที่นี่เป็นร้านขายยา แล้วพ่อพี่เช่าห้องแถวอีกที่ไว้ขายนิตยสาร การ์ตูน หนังสือเก่า และหนังสืออนุสรณ์งานศพ ขายดีมาก แต่ติดว่ามีค่าเช่า เราเลยจะย้ายกลับมาที่ของเราเอง ทีแรกกะจะทำร้านขายยาและขายหนังสือด้วย แต่สรุปว่าทำร้านหนังสืออย่างเดียวดีกว่าเพราะรอบๆ นี้มีร้านขายยา 2 ร้านแล้ว

เรายังต้องคงส่วนของนิตยสารไว้อยู่เพราะมีลูกค้าประจำที่ซื้อกันมาประจำ 10 ปี แต่พี่จะดูแลส่วนพ็อกเก็ตบุ๊ค เราผูกพันกับหนังสือตั้งแต่เด็ก ชอบอ่านเรื่องสั้น นวนิยาย วรรณกรรมไทยอยู่แล้ว และเคยทำงานเป็นบรรณาธิการหนังสือเด็กและวรรณกรรมเยาวชนมาก่อนด้วย

มันเป็นจังหวะชีวิตเหมือนกันที่เราพักจากทำงานประจำพอดี ตั้งใจจะเปิดให้ครอบครัวทำไปก่อนแล้วเราไปหางานทำ แต่พอเปิดร้านในช่วงงานสัปดาห์ร้านหนังสืออิสระครั้งที่ 2 ก็ต้องผลักดันไปให้สุดทางก่อน

 

อยากอ่านแนวไหน ที่นี่มีครบเสมอ

ความตั้งใจคือเราอยากขายวรรณกรรมเด็กสำหรับช่วง Pre-Teen (8-14 ปี) ก็อาศัยคอนเนคชั่นจากที่ทำงานเก่า ไม่ได้ขายดีขนาดนั้นหรอก แต่เราอยากให้มีในร้าน ขายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร พวกนี้จะยอมซื้อขาดมาเลย อย่าง ‘เจ้าชายน้อย’ ก็ต้องไปตามหามาให้ได้

แต่จะขายแนวเดียวก็อยู่ไม่ได้ ก็เพิ่มหมวดอื่นขึ้นมา เอาความชอบของตัวเองทั้งหมด อย่างวรรณกรรม-เรื่องสั้นไทย วรรณกรรมแปลคลาสสิก สังคมการเมือง ปรัชญา ไปจนถึงสืบสวนสอบสวน แต่จะไม่มีนวนิยายรักลูกกวาด ยอมรับว่าเรายังอ่านไม่ครบทุกแนวจริงๆ อย่างวิชาการเราไม่ถนัด ก็อาศัยประสบการณ์ที่สั่งสมมา เราจะรู้ว่าสำนักพิมพ์นี้เด่นด้านอะไรและควรเลือกเล่มไหน เช่น มติชนเด่นด้านสารคดี อีกอย่างคือศึกษาเพิ่มเติมจากที่ลูกค้าแนะนำ


บุ๊คบุรีโดดเด่นด้วยวรรณกรรมเยาวชน
 

เราพยายามหาหนังสือดีๆ มีให้ทุกคนที่อยากอ่าน ถ้ามีน้อยแนวเกินไปก็เสียโอกาสในการขายด้วย อยากได้เล่มไหน เราจะไปหามา ถึงมีลูกค้าคนเดียวเราก็พยายามเปิดหมวดใหม่ให้ และหนังสือในร้านเราสั่งเองทุกเล่ม

 

คาแรกเตอร์ที่ไม่เหมือนใคร

น่าจะเป็นร้านที่ดูเป็นกันเอง เราไม่สามารถติดกระจก ติดแอร์ได้จริงๆ เพราะคนย่านนี้ยังกลัวที่จะเข้าร้านแบบนั้น ขนาดแต่งร้านอย่างนี้เขายังไม่ค่อยกล้าเข้าเลย แต่อนาคตถ้าอยู่ได้แล้วก็อาจต้องติด กันฝุ่น กันร้อน มีเวลาเลือกหนังสือนานๆ ตั้งใจว่าจะเปิดชั้นบนให้เป็นห้องจัดกิจกรรม มีขายอาหารและขนมด้วย

ย่านนี้มีข้อดีคือจริงๆ มาง่ายนะ มีสถานที่สำคัญรายรอบ และคนพลุกพล่าน แต่ข้อเสียคือเป็นชาวบ้านเสียเยอะ เขาก็จะไม่ค่อยอ่านหนังสือแนวนี้ ลูกค้าเราจริงๆ ก็มีข้าราชการ นักศึกษาบ้าง ชาวบ้านก็มีแต่จะน้อย และอยากให้วัยรุ่นเข้าร้านเรามากกว่านี้ ก็พยายามจัดร้านให้โล่งๆ มาคุยกันเฉยๆ ก็ได้ เป็นความกันเองที่เราอยากให้เขาได้ผูกพันกับหนังสือ มาหยิบจับดูว่ามีแนวนี้ด้วยนะ เผื่ออนาคตเขาจะอยากอ่านขึ้นมา

 

เปิดร้านหนังสือคือฝันหวาน?

ร้านเรายังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แต่เดือนที่ผ่านมาดีขึ้นเพราะเป็นช่วงใกล้งานสัปดาห์ร้านหนังสืออิสระ ก็อาศัยการโปรโมทจากนักเขียนที่จะมาเสวนาที่ร้าน

ปัญหาอีกอย่างคือเรายังนับสต็อกกันด้วยมือ เพราะถ้าให้ลงทุนซื้อโปรแกรมสแกนบาร์โค้ดก็ราคาสูงไป ซึ่งพี่สัมผัสแล้วว่ามันวุ่นวายมาก เราก็ต้องรับผิดชอบหน้าที่ให้สำนักพิมพ์สบายใจ ส่งเงินให้ตรงเวลา การรักษาเครดิตสำคัญมากนะ ถ้าเราทำเสียร้านนึงก็เสียกันไปทั้งหมด

ส่วนเรื่องกำไร ในทีแรกเราก็มีความหวังนะ ไปแตะยอดสูงมากครั้งที่ไปออกบูธแทนก็องดิดด์ในงาน Noise Market ที่มิวเซียมสยาม เราพบว่าเด็กวัยรุ่นอ่านหนังสือเยอะมาก ดีใจมาก ตอนนั้นก็พีคสุด แต่พอเข้าปีนี้ก็นิ่งเลย ตกลงมาเรื่อยๆ ยอดขายก็อยู่ได้แค่ค่าไฟกับค่ากินอยู่นิดหน่อย แต่ร้านเราทางนิตยสารยังเป็นหลักก็พออยู่ได้แหละ และที่นี่เป็นบ้านเราก็ไม่เป็นไร ถ้ามีค่าเช่าคงไม่รอดเหมือนกัน

ร้านหนังสือเป็นความฝันของนักอ่าน แต่คุณต้องรู้ความจริงที่โหดร้ายของมันด้วยนะ เราทำมาก็รู้ซึ้งอะไรหลายๆ อย่าง แต่ใจยังอยากทำอยู่ ต้องสุดจริงๆ ถึงขั้นล้มละลายล่ะมั้งถึงจะเลิก ซึ่งเราก็พยายามเพลย์เซฟที่สุด จะไม่กู้ยืมอะไรและรับผิดชอบเท่าที่เราทำได้


พิมพ์สุดากับเมืองที่มีแมวเป็นนักอ่าน

 

ความสุขในร้านหนังสือของตัวเอง

มันก็คงจะทุกข์สุขล่ะนะ สุขที่ได้ทำตามความฝันแต่มันก็ไม่ได้มีความสุขขนาดนั้นหรอก คนเราพอถึงจุดหนึ่งก็จะรู้สึกธรรมดากับทุกอย่าง อาจเพราะเราโตขึ้น…แต่ก่อนทำหนังสือเล่มนึง เราตื่นเต้นมาก พอจบแล้วมันก็เป็นเรื่องธรรมดาน่ะ ไม่ใช่เรื่องมีความสุขมาก แต่เราโอเค คนทำงานทุกคนน่าจะมีงานในส่วนที่ชอบและไม่ชอบ แต่งานอะไรที่เราจะอยู่ไปได้ตลอดชีวิตล่ะ

FIND IT:
ร้านหนังสือบุ๊คบุรี (เปิดเมื่อเดือนมิถุนายน 2557)
102/3 ถนนกรุงเกษม แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพฯ
(ใกล้สี่แยกเทเวศน์)
Tel. 02-2824916

 

“Steel Roses Restaurant & Bookclub”

โซนร้านอาหารและร้านหนังสือแบ่งเป็นสัดส่วนที่เชื่อมต่อกัน
 

ร้านหนังสือที่ขายอาหาร? ร้านอาหารที่ขายหนังสือ?

แค่นี้ก็น่าสนใจแล้วสำหรับร้านหนังสืออิสระที่ตั้งอยู่ริมถนนศรีนครินทร์ว่าโมเดลธุรกิจสองอย่างนี้จะไปด้วยกันได้ยังไง แต่สำหรับพี่นก-กัลยา ศรีธรรมราช กลับบอกเราด้วยรอยยิ้มว่าบรรยากาศภายนอกที่ดูไม่ออกเลยว่าที่นี่เป็นร้านหนังสือ คือเซอร์ไพร้ส์ที่ทำให้เกิดนักอ่านหน้าใหม่โดยไม่รู้ตัวมาแล้วหลายคน

ก่อนจะมาเป็นร้านหนังสืออิสระ

เดิมทีเราทำโรงงานผลิตเหล็ก พออายุมากขึ้นก็อยากหาอาชีพสำรองไว้หลังเกษียณอายุ เลยเปิดเป็นร้านอาหารที่ถนนบางนา-ตราด ไม่ได้คิดจะทำร้านหนังสือเลยเพราะเราก็รู้กันว่ามันไม่น่าจะอยู่รอด แต่เป็นสิ่งที่คิดไว้มาตลอดตั้งแต่ตัวเองจบมหาวิทยาลัยใหม่ๆ เรามีความฝันพวกนี้เสมอแต่ไม่กล้าลงมือทำ

พอจะขยายกิจการร้านอาหารมาที่นี่ซึ่งเราเช่าไว้ระยะยาว ความคิดว่าอยากจะทำร้านหนังสือขึ้นก็กลับมา พอดีมีพื้นที่เหลืออยู่ และช่วงนั้นงานสัปดาห์ร้านหนังสืออิสระครั้งที่ 2 เพิ่งจะจบใหม่ๆ เราทราบข่าวว่ามีกิจกรรมส่งเสริมการขายและการอ่าน ก็ติดต่อไปทางผู้ใหญ่ที่ดูแลการจัดงาน ไหนๆ ก็มีร้านอาหารแล้ว ร้านหนังสือให้เป็นอาชีพรองลงไป ไม่ได้คาดหวังว่าจะอยู่ได้ด้วยตัวมันเอง เราคิดแค่นั้นก็ลงมือทำเลย

 

อยากอ่านแนวไหน ที่นี่มีครบเสมอ

บุคลิกส่วนตัวเป็นคนที่ให้กำลังใจคน หนังสือส่วนใหญ่ก็จะฟีลกู๊ดหน่อยสำหรับคนที่เริ่มอ่านหนังสือแรกๆ เราเชื่อว่าต้องจับใจเขา เราอ่านหนังสือมาจะรู้เลยว่าเล่มไหนคนอ่านจะได้รับอะไรบ้าง

โดยส่วนตัวชอบอ่านวรรณกรรมหนักๆ แต่เรารู้ว่าไม่สามารถเอาตัวเราวัดคนอื่นได้ ก็จะมีแนวนี้ให้คอหนังสืออ่าน แต่สำหรับคนทั่วไปก็จะมีวรรณกรรมเยาวชน นวนิยายแปล ท่องเที่ยว วิจารณ์ภาพยนตร์ ไปจนถึงปรัชญาและศาสนา อาจจะไม่มีหนังสือหลากหลายทุกหมวด แต่เป็นหนังสือที่คุณจะมีความสุขในการอ่าน


หนังสือจัดเรียงบนชั้นคละกันไปตามหมวด

คาแรกเตอร์ที่ไม่เหมือนใคร

เสน่ห์ของร้านคือที่เราเป็นร้านอาหาร แต่ก็โปรโมทว่าเราเป็นร้านหนังสือด้วย ลูกค้าก็จะเป็นครอบครัวหรือคนหนุ่มสาวที่แวะเวียนเข้ามา ถ้าเป็นครอบครัว พ่อแม่ทานข้าวสังสรรค์กันไป โซนหนังสือก็จะเป็นโซนที่เด็กๆ มานั่งเล่น เราอ่านหนังสือให้เด็กฟังบ้าง คนเข้ามาในร้านจะแปลกใจว่ามันคืออะไร หนังสือพวกนี้ขายหรือเปล่า? ก็ได้พูดคุยกัน พ่อแม่บางคนก็มาถามว่าหนังสือเล่มไหนที่ดี เราก็ให้คำแนะนำเขาไป

หนังสือทุกเล่มในร้านเรารู้จัก เพราะเราคัดเลือกเองไม่ว่าจะผ่านสายส่งหรือติดต่อกับสำนักพิมพ์โดยตรง เราไม่ให้สายส่งเอาหนังสือเข้ามาเองโดยไม่ยินยอมพร้อมใจ เพราะเราจะไม่รู้จักหนังสือ

อีกอย่างคือเราค่อนข้างพร้อมเรื่องสถานที่ ก็พยายามจัดกิจกรรมเกี่ยวกับหนังสือให้สม่ำเสมอ เพราะเราเป็น Bookclub ไม่ใช่ Bookshop ต้องมีปฏิสัมพันธ์กัน เชิญนักเขียนอย่างชมัยภร แสงกระจ่าง, ศักดิ์สิริ มีสมสืบ หรือสิริมา อภิจาริน มาพบปะแฟนๆ นักอ่าน ก็ต้องไปกว้านซื้อหนังสือของคนนั้นมาให้ได้ทั้งหมด เพราะแฟนๆ เขาจะซื้อเพื่อขอลายเซ็นเป็นธรรมเนียมอยู่แล้ว ก็อาศัยรายได้จากการจัดกิจกรรมตรงนี้ด้วย

 

เปิดร้านหนังสือคือฝันหวาน?

ปัญหาคือเรายังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก ทำเลก็มีผลนะ ยอมรับว่าไกล แต่ถ้าพูดถึงร้านหนังสืออิสระคือเราเป็นร้านเล็กๆ และตั้งอยู่ในชุมชน ลูกค้าของเราคือคนละแวกนี้ เราไม่ได้มุ่งหวังว่าคนจากนนทบุรี พระรามสาม พระรามสอง จะต้องมาร้านเรา อาจจะนานๆ ครั้ง แต่ว่าที่นี่คือชุมชนของคนย่านนี้ เราก็พยายามประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่ที่เขาสามารถมาซื้อหาอ่านหนังสือได้ มีกิจกรรมอะไรก็มาเข้าร่วม ไม่ต้องเข้าไปในเมือง

ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่เปิดมา ผลตอบรับไม่ได้ดีมาก แต่ก็เริ่มเห็นความเคลื่อนไหวที่ดี ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าควรหยุดหรือไปต่อ ยังไม่กล้าคิด เพราะเป็นคนที่ต้องไปให้สุด การตัดสินใจทำแล้วเลิก บางทีมันทำให้ชีวิตเราไปต่อลำบากเหมือนกันนะ

ประสบการณ์ในชีวิตสอนว่าเราคงจะโลกสวยไปไม่ได้หรอก เพราะด้วยภาวะเศรษฐกิจและวัฒนธรรมการอ่านของหนุ่มสาวสมัยนี้ก็ไม่ลุ่มลึกเหมือนแต่ก่อน คนอ่านหนังสือยาวไม่เป็นแล้ว การทำธุรกิจก็ต้องเผื่อทางหนีทีไล่ด้วย เราก็พยายามจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน แต่ทั้งหมดทั้งปวงไม่ได้ขึ้นกับแค่ตัวเรา มันถามไปถึงสังคมภาพรวมเช่นกัน


ชั้นหนังสือส่วนตัวของพี่นก-กัลยา ศรีธรรมราช ที่ลูกค้าสามารถหยิบอ่านได้
 

ความสุขในร้านหนังสือของตัวเอง

(ตอบทันที) ก็ไม่ค่อยจะสุขเท่าไหร่นะ การอ่านหนังสือมันคือความสุขอยู่แล้ว และการพบกันของคนก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เราได้เจอคนอ่านหนังสือเล่มเดียวกับเรา สมัยก่อนเวลาเราอ่านก็มีความสุขอยู่คนเดียว พอทำร้านหนังสือมันคือการสื่อสารสองทาง ได้รู้ว่าคนนี้ชอบหนังสือเล่มเดียวกับเรา ชอบประโยคนี้เหมือนเรา เป็นความเต็มอิ่มอยู่ข้างใน

เราอยากจะบอกกล่าวว่าหนังสือเล่มนั้นดีจริงๆ นะ มานั่งคุยกันไหมว่าดีอย่างไร ทางร้านจะบันทึกเสมอว่าใครซื้อหนังสือเล่มไหนไป เราจะบอกเขาว่าอ่านแล้วกลับมาแชร์หน่อยนะคะ หรือถ้ามีคนอ่านเล่มนี้ 20 คน อาจจะเชิญมาพูดคุยกันกับนักเขียนหรือนักแปล เป็นความตื่นเต้นที่เราได้พบเจอคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน ก็ยังโลกสวยอยู่นะ

FIND IT:
Steel Roses Restaurant & Bookclub (เปิดเมื่อเดือนธันวาคม 2557)
ถนนศรีนครินทร์ (ลง BTS แบริ่งและเข้าถนนลาซานน์ ซอยสุขุมวิท 105)
Tel. 02-3988488

 

“คำนำ”


บ้านไม้ทรงสวยอายุเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6

มองดูเผินๆ บ้านไม้เก่าสองชั้นที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยเล็กๆ บนถนนราชดำเนินที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากองค์พระปฐมเจดีย์ ดูน่าจะเป็นบ้านพักของข้าหลวงเก่าสมัยรัชกาลที่ 6 มากกว่า ซึ่งนั่นก็เป็นหน้าที่ของบ้านไม้หลังนี้ในอดีตจริงๆ

หากแต่วันเวลาผันผ่าน ที่แห่งนี้กลายเป็นร้านหนังสืออิสระเล็กๆ ชื่อน่ารักว่า “คำนำ” ในจังหวัดนครปฐม จากความตั้งใจของชู้ต-สิริวัฒน์ กุศลเลิศจริยา และหมี-ภาสรรค์ เชี่ยวจินดากานต์ ที่ยังคงรักษาลักษณะทางสถาปัตยกรรมและข้าวของโบราณไว้เหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมด้วยกองหนังสือ กลิ่นกาแฟ และบรรยากาศที่อบอุ่นจนเราอยากจะนั่งอยู่ที่นี่ทั้งวัน

 

ก่อนจะมาเป็นร้านหนังสืออิสระ

เรามีความคิดอยากทำ community แบบนี้ก่อนหน้าอยู่แล้วตั้งแต่ตอนทำงานประจำ พอดีว่าลาออกจากงาน คือไม่ได้ออกเพื่อทำร้านนี้อย่างเดียวนะ เราก็มีหลายๆ อย่างที่อยากทำ ร้านหนังสือคืออย่างหนึ่ง เราชอบบรรยากาศตอนไปร้านหนังสือ มองว่าเป็นธุรกิจที่ถ่ายทอดความรู้ไปให้คนอื่นได้

พอตั้งใจจะทำก็เริ่มหาพื้นที่ ไม่ได้มองในกรุงเทพฯ เลยเพราะอยากกระจายให้มีร้านอย่างนี้ในทุกๆ จังหวัด ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องเข้าไปที่กรุงเทพฯ ทีแรกตั้งใจไปทำที่ขอนแก่นบ้านเกิด ก็พอดีเราคุยเรื่องนี้กับพี่หมีมาเรื่อยๆ แกก็เล่าให้เพื่อนของเพื่อนฟังจนได้มาดูบ้านหลังนี้ เจ้าของบ้านอยากหาคนมาเช่าอยู่ และเขาก็แฮปปี้กับกิจการอย่างที่เราทำ แทนที่จะปล่อยร้างหรือให้เป็นร้านเหล้า

เราคิดว่าบ้านหลังนี้พอเหมาะกับจุดที่เราเริ่มต้นได้ และสถาปัตยกรรมก็มีเสน่ห์ สวยกำลังดี โครงสร้างไม่ได้วิจิตรจนคนไม่กล้าเข้ามา

 

อยากอ่านแนวไหน ที่นี่มีครบเสมอ

มีแนวศิลปวัฒนธรรม วรรณกรรมเยาวชน และนิทานเด็ก เรามองว่าหนังสือกลุ่มนี้มีแก่นขึ้นมาหน่อย แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเล่มอื่นๆ ไม่มีสาระนะ จริงๆ ก็มีนวนิยายด้วยแต่ว่าเราก็คัดเลือก และด้วยความที่ทั้งพี่และพี่หมีต่างคนก็มีความสนใจหลากหลาย ก็เลยจะมีหนังสือตั้งแต่แนวปรัชญา ประวัติศาสตร์ ไปจนถึงพวกงานอดิเรกเกี่ยวกับการปลูกต้นไม้เลย

มุมกาแฟและเบเกอรี่

 

คาแรกเตอร์ที่ไม่เหมือนใคร

พี่มองว่าพื้นที่นี้ต้องพัฒนาต่อไปตามเวลาและกำลัง แต่ก็อยากให้สถานที่เรานิ่งก่อน บางจุดยังรกๆ หรือชั้นสองที่อยากเปิดให้เป็นเวทีเล็กๆ ให้ชาวบ้าน นักศึกษาหรือศิลปินหน้าใหม่มาแสดงผลงานได้ จัดแสดงละครเด็กหรือฉายหนัง มีห้องพักสักห้องเผื่อมีใครอยากเข้ามาจอยกับเรา แต่ติดว่าหลังคายังมีปัญหา หาช่างซ่อมมาเป็นปีแล้วก็ยังหาไม่ได้ คิดว่าคงต้องให้เสร็จในปีนี้

หนังสือจะเป็นตัวรับกิจกรรมทั้งหมดที่เรามองไว้ เราเลยตั้งใจทำร้านหนังสือก่อน แต่ก็ไม่ได้เป็นแค่ร้านหนังสือ เคยมีลูกค้าเข้ามาขอซ้อมดนตรีไทยที่ร้านเรา เราก็ยินดี อยากให้มีอย่างนี้มากๆ

ช่วงเปิดเทอมลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นนักศึกษาม.ศิลปากร แต่วันเสาร์อาทิตย์ จะมีคนกรุงเทพฯ คนราชบุรีขับรถมาเที่ยวพระปฐมเจดีย์เขาก็จะแวะมาหาเรา คือที่นี่เป็นพื้นที่ครอบครัวด้วย ด้วยสถานที่และแนวหนังสือเราหลากหลาย พาลูกมาก็พอมีพื้นที่ให้วิ่งเล่นได้ คุณตาคุณยายก็อยากมาสัมผัสอาคารเก่า ก็อวลไปด้วยบรรยากาศแบบนี้เหมือนกัน

 

เปิดร้านหนังสือคือฝันหวาน?

งบประมาณเริ่มต้นเราประหยัดมากกว่าที่คิด ถ้าเทียบกับร้านอื่นที่เช่าพื้นที่เหมือนกัน และก็ไปได้เร็วด้วยตัวบ้านเองอาจมีเอกลักษณ์ที่ดึงดูด และสื่อก็ช่วยโปรโมทให้

รายได้ก็มาจากหนังสือและกาแฟควบคู่กัน แต่กาแฟช่วยเราได้มาก หนังสือขายได้แต่ก็เป็นหลักไม่ได้ ถามว่าเอาแต่กาแฟได้ไหมก็ไม่ได้ มันต้องส่งเสริมซึ่งกันและกัน บางคนเข้ามาเพราะบรรยากาศ บางคนก็ไม่ได้สนใจหนังสือจะสั่งกาแฟอย่างเดียว แต่บางคนพอเห็นหนังสือแล้วซื้อกลับไปก็มี ถ้าดูในแง่ธุรกิจก็ยังไม่คุ้มทุนนะ แต่ว่าก็เดินหน้าต่อไปได้เรื่อยๆ มันเป็นชีวิตน่ะ

อุปสรรคมันอยู่ที่ตัวเรานี่แหละ เราแค่ยังบริหารตัวเองไม่ได้และยังไม่นิ่ง ลูกค้าบอกว่าน่าจะมีอาหาร เราก็ต้องมาขอคิดก่อน เพราะเราทำกันเองทั้งหมด หรือเรื่องอากาศก็มีผล บางวันก็ร้อนมากขนาดเราอยู่เองยังไม่อยากอยู่เลย
 


หมีและชู้ต หุ้นส่วนรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมคณะสถาปัตย์ จุฬาฯ

 

ความสุขในร้านหนังสือของตัวเอง

บางทีก็ไม่สุขนะ ถ้าถามความสุขสำหรับพี่ อย่างแรกคือมันหมดคำถามที่เราเคยอยากทำ ตอนนี้เราได้ทำแล้ว แค่นั้นเลย เรามีความสุขแล้ว แต่ส่วนอื่นๆ ก็ไม่ใช่สบายนะ ถ้าได้สนับสนุนให้คนเริ่มอ่านหนังสือ และทำให้เขาสนใจหาเล่มอื่นๆ อ่าน เราก็แฮปปี้มาก ไม่นับความลำบากเรื่องต้องดีลกับสายส่ง สำนักพิมพ์ ชงกาแฟ แต่มันก็คือการทำงานน่ะ ความสุขกับความสบายมันไม่เหมือนกัน

FIND IT:
ร้านหนังสือคำนำ (เปิดเมื่อเดือนกันยายน 2557)
57 ถนนราชดำเนิน (ต้นสน) ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม
Tel. 097-0373848

ภาพ: ภาณุพันธ์ วีรวภูษิต
Tell us what you think!

You may be interested

คุณครูอวดของขวัญชิ้นประทับใจจากลูกศิษย์ตัวน้อยผู้ไม่มีอะไรจะให้..แต่ก็หามาให้จนได้
AROUND THE WORLD
shares6089 views
AROUND THE WORLD
shares6089 views

คุณครูอวดของขวัญชิ้นประทับใจจากลูกศิษย์ตัวน้อยผู้ไม่มีอะไรจะให้..แต่ก็หามาให้จนได้

Sapparot - Dec 26, 2018

คุณครูชั้นประถมในสหรัฐฯ อวดของขวัญชิ้นโดนใจที่ได้รับในช่วงเทศกาลแห่งความสุขจากลูกศิษย์ตัวน้อยที่แม้ตัวเองจะไม่มีอะไรก็ยังตั้งใจสรรหาของขวัญมาให้คุณครูจนได้ ถึงจะเป็นแค่มาร์ชเมลโลว์จากซีเรียลอาหารเช้าธรรมดา ๆ แต่เพราะว่ามีความตั้งใจของหนูอยู่เต็มเปี่ยมในนั้น มันเลยพิเศษที่สุดเลย

10 รูปยอดไลค์สูงสุดใน Instagram 2018
LIFESTYLE
shares5314 views
LIFESTYLE
shares5314 views

10 รูปยอดไลค์สูงสุดใน Instagram 2018

Sapparot - Dec 25, 2018

10 รูปยอดไลค์สูงสุดจาก Instagram ปี 2018 รวมแล้วมาจากคนดังระดับโลกเพียง 5 คนเท่านั้น โดยมีหนูน้อย Stromi ลูกสาว Kylie Jenner เรียกยอดไลค์กดหัวใจให้คุณแม่ได้อย่างดีเชียว

อาทิตย์และดวงจันทร์ Rose Céleste เครื่องประดับน่ารักจาก Dior
Accesseries
shares4711 views
Accesseries
shares4711 views

อาทิตย์และดวงจันทร์ Rose Céleste เครื่องประดับน่ารักจาก Dior

Sapparot - Dec 24, 2018

Dior เผยโฉมแอคเซสซอรี่ชิ้นใหม่ Rose Céleste จี้กลมรูปพระอาทิตย์-พระจันทร์ งานแฮนด์เมดสุดปราณีตจากทองคำและเปลือกหอยมุก