ย้อนรอย 9 เหตุกราดยิงและสังหารหมู่ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ

July 12, 2018
4212 Views

เหตุกราดยิงที่ลาสเวกัสที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2017 เป็นเหตุสะเทือนขวัญชาวสหรัฐฯ ระลอกใหม่ โดยข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 3 ตุลาคม ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งไปอยู่ที่ 59 ศพ และบาดเจ็บอีก 527 รายแล้ว กล่าวได้ว่าเป็นเหตุกราดยิงที่ร้ายแรงที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์สหรัฐฯ

ในตอนเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุได้ถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุของนายสตีเฟน แพดด็อก วัย 64 ปี ที่ฆ่าตัวตายคาจุดยิงในห้องพักชั้น 32 ของโรงแรมที่อยู่ติดกับจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นลานกลางแจ้ง แม้กลุ่ม IS จะออกมาอ้างว่ามือปืนเป็นคนของตน แต่ทางการสหรัฐฯ ยังคงไม่สรุปว่าเป็นการก่อการร้ายโดยชี้ว่ายังไม่พบหลักฐานระบุชัดว่านายแพดด็อกฝักใฝ่กลุ่มรัฐอิสลาม

แต่แม้ไม่อยากได้ยินแต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าเหตุกราดยิงอันน่าโศกสลดเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในแผ่นดินที่ได้ชื่อว่าเป็นหม้อหลอมรวมหลากหลายวัฒนธรรมเช่นสหรัฐอเมริกา วันนี้จึงเราขอพาท่านไปย้อนรอยอีก 9 เหตุการณ์กราดยิงและสังหารหมู่ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ และได้แต่ภาวนาว่าหลังเหตุการณ์ทั้ง 9 และเหตุการณ์อันเลวร้ายล่าสุดที่ลาสเวกัสแล้ว สหรัฐฯ จะไม่ต้องนับบวกเพิ่มเรื่องโศกสลดใดๆ เพิ่มเข้าไปในหน้าประวัติศาสตร์ของตนอีก…

 

1. เหตุกราดยิงที่ออร์แลนโดไนท์คลับ เสียชีวิต 49 ศพ (มิถุนายน 2016)

ภาพ: wikipedia

“นายโอมาร์ มาทีน” ชายวัย 29 ปี อาชีพเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เดินย่างเข้าไปที่ The Pulse ไนท์คลับชาวสีรุ้งในฟลอริดา ก่อนใช้ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติกราดยิงผู้คนในนั้น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 49 ราย และบาดเจ็บอีก 58 คน ก่อนมีการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่และถูกวิสามัญในที่สุด

แม้มาร์ทีนจะเคยถูกสอบสวนในฐานะผู้อาจมีความเชื่อมโยงกับการก่อการร้าย และเขายังต่อสายถึง 911 ประกาศตนว่ากำลังลงมือในฐานะเป็นนักรบอิสลาม ทั้ง IS เองก็ออกมาประกาศตนว่าชักใยอยู่เบื้องหลัง แต่กระนั้นก็ไม่มีการสรุปออกมาว่าเหตุการณ์นี้เป็นการก่อการร้าย เพราะไม่มีหลักฐานชัดเจนที่เชื่อมโยงมือปืนกับ IS ในทางกลับกันมีรายงานว่านายมาร์ทีนเองก็มีพฤติกรรมเบี่ยงเบน เคยมาเป็นลูกค้าที่ไนท์คลับแห่งนี้ และเคยใช้แอพเพื่อหาคู่ขาเพศเดียวกันอีกด้วย แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ยืนยันว่าเป็นความจริง เพราะไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงที่แน่นหนาพอ แรงจูงใจที่แท้จริงในการการก่อเหตุของเขายังคงหาข้อสรุปไม่ได้มาจนถึงทุกวันนี้

 

2. เหตุกราดยิงที่เวอร์จิเนียเทค เสียชีวิต 32 ศพ (เมษายน 2007)

ภาพ: wikipedia

9 ปีก่อนเกิดเหตุ “โช ซึง-ฮี” หนุ่มชาวเกาหลีใต้เคยเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียเทค แต่แล้วในเช้าวันที่ 16 เมษายน 2007 นายซึง-ฮี ในวัย 23 ปี โผล่เข้ามาในรั้วสถาบันเดิมพร้อมปืนสั้น 2 กระบอก บุกเข้าไปในแคมปัส West Ambler Johnston Hall ยิงเหยื่อเสียชีวิต 2 ราย และอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมาก้ไปปรากฏตัวที่แคมปัส Norris Hall ที่ซึ่งได้ลั่นไกปลิดชีวิตเหยื่อไปอีก 30 ราย รวมมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ 32 ศพ และบาดเจ็บอีก 17 คน

จากกการสืบสวนพบว่านายโช ซึง-ฮี มีประวัติป่วยโรควิตตกกังวลขั้นร้ายแรงในช่วงไฮสคูล แต่ประวัติการป่วยไม่ได้รับการรายงานจนถึงมหาวิทยาลัย เขาได้เข้าศึกษาต่อในเวลาต่อมาและยังเคยก่อเรื่องแอบสะกดรอบตามนักศึกษาสาว 2 รายด้วย จากกาารสอบสวนความผิดครั้งนั้นทำให้นายซึง-ฮี ถูกระบุว่า “ป่วยทางจิต” แต่เนื่องด้วยช่องโหว่ทางกฎหมายว่าการปกปิดข้อมูลเพื่อความเป็นส่วนตัวองผู้ป่วย นายซึง-ฮี จึงสามารถหาปืนมาไว้ในครอบครองและนำมาสู่การก่อเหตุโศกสลดดังกล่าว เหตุการณ์นี้เป็นการจุดประเด็นให้มีการถกเถียงเรื่องความรัดกุมของกฏหมายอนุญาตให้ครอบครองอาวุธปืนขึ้น

 

3. เหตุกราดยิงที่โรงเรียนประถมแซนดี้ฮุก เสียชีวิต 26 ศพ (ธันวาคม 2012)

ภาพ: murderpedia

เช้าวันศุกร์ที่่ 14 ธันวาคม 2012 “อดัม แลนซา” หนุ่มวัยรุ่นอายุ 20 ปี ขับรถของมารดาเข้ามาในโรงเรียนประถมแซนดี้ฮุก ในเมืองนิวทาวน์ รัฐคอนเนคติกัต เสียงปืนนัดแรกดังลั่นได้ยินไปทั่วผ่านอินเตอร์คอมของแต่ละห้องเรียน ก่อนมือปืนจะตระเวนไปหาเหยื่อตามแต่ละห้อง จากเหตุการณ์นี้มีเด็กนักเรียนเสียชีวิต 20 ศพ เหยื่อแต่ละรายอยู่ในอายุระหว่าง 6-7 ปีเท่านั้น และมีบุคคลากรของโรงเรียนถูกยิงดับอีก 6 ศพ

ก่อนจะมาถึงโรงเรียน มือปืนเลือดเย็นได้ยิงศีรษะแม่ของตัวเองตายคาบ้าน แล้วจึงขับรถของเธอออกมา และเมื่อเจ้าหน้าที่รายแรกรุดถึงที่เกิดเหตุ นายอดัม แลนซา ก็เหนี่ยวไกยิงจ่อศีรษะฆ่าตัวตาย

 

4. เหตุกราดยิงที่ร้านอาหาร Luby’s เสียชีวิต 23 ศพ (ตุลาคม 1991)

ภาพ: wikipedia

เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 1991 ที่ร้านอาหารชื่อ Luby’s “นายจอร์จ เฮนนาร์ด” วัย 35 ปี อาชีพขับรถบรรทุก ก่อเหตุขับรถเข้าชนกระจกทะลุเข้ามาถึงในตัวร้าน ขณะที่ลูกค้าด้านในกำลังคิดว่านี่เป็นอุบัติเหตุนายเฮนนาร์ดก็หยิบปืนออกมากราดยิงใส่คนข้างใน มีการคาดคะเนว่าตอนนั้นในร้านมีลูกค้าราว 140 คน เป็นเหตุในมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ 23 ศพและบาดเจ็บอีก 27 คน เมื่อเจ้าหน้าทีตำรวจรุดมาถึงที่เกิดเหตุ นายเฮนนาร์ดหนีเข้าไปหลบในห้องน้ำ และใช้อาวุธปืนยิงศีรษะฆ่าตัวตาย

จากการสืบสวนพบว่านายจอร์จ เฮนนาร์ด มีความเกลียดชังผู้หญิงและชนกลุ่มน้อย เชื่อว่านี่เป็นแรงจูงใจในการก่อเหตุ

 

5. เหตุกราดยิงที่ร้านแมคโดนัลด์ในซานอิซีโดร เสียชีวิต 21 ศพ (กรกฎาคม 1984)

เหตุโศกสลดที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้นนี้ได้เกิดขึ้นในวันที่ 18 กรกฎาคม 1984 โดยผู้ก่อเหตุคือ “นายเจมส์ ฮิวเบอร์ตี้” พ่อลูกสองวัย 41 ปี ก่อนหน้าจะเกิดเหตุ 2 วัน เจมส์บอกกับภรรยาว่าเขาคิดว่าตัวเองน่าจะมีปัญหาด้านสุภาาพจิต และได้โทรไปคลินิกจิตเวชเพื่อขอรับการรักษา โอเปอเรเตอร์รับเรื่องไว้ บอกว่าจะจัดคิวให้และจะติดต่อกลับมาในอีกไม่กี่ชั่วโมง ทว่า…โอเปอเรเตอร์จดชื่อของเขาผิด จึงไม่สามารถติดต่อมาหาได้

ภาพ: wikipedia

ภาพ: 10news 

ในวันถัดมาเหตุการณ์ยังคงปกติ เจมส์พาลูกๆ ไปเที่ยวสวนสัตว์ ทว่าเมื่อถึงรุ่งขึ้นอีกวัน เขาออกจากบ้านไปโดยบอกภรรยาว่าจะออกไป “ล่ามนุษย์” ก่อนบุกเข้าไปในร้านแมคโดนัลด์ สาขาซานอิซีโดร ในเมืองซานดิเอโก รัฐเทกซัส ก่อเหตุกราดยิงใส่คนร้านเสียชีวิต 21 ศพ บาดเจ็บอีก 19 ราย ก่อนจะถูกกระสุนจากเจ้าหน้าที่มือสไนเปอร์ยิงปลิดชีพ

 

6. เหตุกราดยิงที่ซานเบอนาร์ดิโน เสียชีวิต 14 ศพ (ธันวาคม 2015)

ภาพ: scpr

เหตุกราดยิงของคู่สามีภรรยา “นายซาเอ็ด ริซวาน ฟารุค” อายุ 28 ปี และ “นางทัชฟีน มาลิก” อายุ 27 ปี ที่ศูนย์งานบริการสังคมในเมืองซานเบอนาร์ดิโน แคลิฟอร์เนีย เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2015 สองสามีภรรยาเข้าไปกราดยิงภายในศูนย์เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 14 ศพ และบาดเจ็บสาหัสอีก 22 ราย ก่อนหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุโดยใช้พาหนะรถ SUV อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่จะสะกดรอยสกัดจับได้ในอีก 4 ชั่วโมงต่อมา เกิดการยิงต่อสู้และในที่สุดทั้งคู่ถูกวิสามัญ นอกจากนี้เมื่อไปตรวจสอบที่บ้านพักของทั้งสอง ก็ได้พบอาวุธจำนวนมาก รวมทั้งดินปืน และเครื่องประกอบระเบิดด้วย

จากการตรวจสอบพบว่าทั้งนายซาเอ็ดและนางทัชฟีน ต่างเป็นพลเมืองที่ถูกต้องของอเมริกา นายซาเอ็ดมาจากครอบครัวชาวปากีสถานที่เกิดในสหรัฐฯ ส่วนนางทัชฟีนเกิดที่ปากีสถานต่อมาจึงได้เป็นพลเมืองอเมริกา FBI ระบุว่าทั้งคู่เป็น homegrown violent extremist หรือพวกหัวรุนแรงต่อแผ่นดินเกิด โดยได้รับแรงจูงใจจากกลุ่ม IS แต่ไม่ได้รับการชี้นำจากกลุ่มรัฐอิสลามโดยตรง

 

7. เหตุกราดยิงที่ที่ทำการไปรษณีย์เอ็ดมอนด์ โอกลาโฮมา เสียชีวิต 14 ศพ (สิงหาคม 1986)

ภาพ: murderpedia

ผู้ก่อเหตุครั้งนี้คือพนักงานไปรษณีย์ของที่นี่เอง ชื่อ “นายแพทริก เชอร์ริล” เขาเดินเข้ามาพร้อมอาวุธปืน ก่อนยิงใส่คนที่อยู่ข้างใน หนึ่งในนั้นคือ ริชาร์ด เอสเซอร์ หัวหน้าที่เพิ่งเรียกเขาไปตำหนิเมื่อวันก่อน และยังตามหานายบิล แบลนด์ หัวหน้าอีกคนเพื่อจะยิงด้วย แต่โชคช่วยที่วันนั้นนายบิลเข้าออฟฟิศสาย เมื่อเขามาถึงที่ทำงาน ก็พบว่านายแพทริกก่อเหตุยิงใส่เพื่อนร่วมงานและคนในนั้นเสียชีวิต 14 ศพ บาดเจ็บอีก 6 ราย ก่อนฆ่าตัวตายในที่เกิดเหตุ

 

8. เหตุกราดยิงที่อาคารสูงมหาวิทยาลัยเทกซัส เสียชีวิต 13 ศพ (สิงหาคม 1966)

เหตุการณ์อันเกิดจากน้ำมือของนักเรียนตัวอย่าง เด็กชายผู้มีพรสวรรค์ เด็กหนุ่มที่ได้ตำแหน่งสูงสุดในกลุ่มลูกเสือ และเป็นมือยิงล็อกเป้าของนาวิกโยธิน “ชาร์ลส์ วิทแมน” แต่เมื่่อเขาเริ่มเรียนเป็นนักเรียนวิศวกรรมเครื่องกล วิทแมนกลับกลายเป็นนักเรียนท้ายแถว แถมเริ่มติดการพนัน

ภาพ: wikipedia

ภาพ: wikipedia

ในวันเกิดเหตุเมื่อ 1 สิงหาคม 1966 วิทแมนฆ่ามารดาและภรรยาตัวเองตายคาบ้าน ก่อนพกปืนขึ้นไปยังหอสูงอาคารของมหาวิทยาลัยเทกซัส เพ่งมองผู้คนที่อยู่ด้านล่างแล้วยิงปลิดชีพเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายดับ 13 ศพ บาดเจ็บอีก 31 คน ก่อนเจ้าหน้าที่จะบุกเข้าถึงตัวและสังหารเขาในที่สุด

จากการผ่าพิสูจน์ศพของวิทแมน พบว่าเขามีก้อนเนื้องอกในสมอง ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าคือสาเหตุของพฤติกรรมที่แปรปรวนของเขา

 

9. เหตุสังหารหมู่ที่โรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์ เสียชีวิต 13 ศพ (เมษายน 1999)

อีริค แฮร์ริส และ ดีแลน คลีโบลด์ ภาพ: wikipedia

อีริค แฮร์ริส และดีแลน คลีโบลด์ คือชื่อของ 2 นักเรียนวัยรุ่นเกรด 12 ที่เป็นมือสังหารผู้วางแผนการกันมาอย่างดี มีการใช้ทั้งระเบิดไฟ อาวุธมีด และปืน ทั้งคู่ไล่สังหารเพื่อนร่วมสถาบันไป 12 ศพ อาจารย์ 1 ศพ และมีผู้บาดเจ็บอีก 24 ราย ก่อนจะล่าถอยจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่หนีเข้าไปในห้องสมุด และฆ่าตัวตายที่นั่น

 

10. เหตุกราดยิงที่ฟอร์ทฮูด เสียชีวิต 13 ศพ (พฤศจิกายน 2009)

ภาพ: wikipedia

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2009 เกิดเหตุเปิดฉากกราดยิงใส่เจ้าหน้าที่และประชาาชนในฟอร์ทฮูด หนึ่งในฐานทัพของสหรัฐฯ ในรัฐเทกซัส ผู้ก่อเหตุครั้งนี้ยิ่งไม่ใช่ใครที่ไหนไกล แต่เป็น “นีดาล ฮัดสัน” นาวิกโยธินยศพลตรีและจิตแพทย์ประจำกองทัพ จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 ศพ และบาดเจ็บอีกมากกว่า 30 ราย ส่วนนายนีดาล ฮัดสัน ถูกยิงบาดเจ็บระหว่างการจับกุมตัว อันส่งผลให้เขาเป็นอัมพาตซีกล่างตั้งแต่สะโพกลงมา

เขาถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม 13 กระทง และพยายามฆ่าอีก 32 กระทง ศาลอ่านคำตัดสินโทษประหารชีวิตไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2013 ในปัจจุบันนายฮัดสัดถูกควบคุมตัวรอรับโทษประหารอยู่ที่ค่ายทหารในฟอร์ทลีฟเวนวอร์ธ รัฐแคนซัส

 

ที่มา: Dailymail

Tell us what you think!

You may be interested

คุณครูอวดของขวัญชิ้นประทับใจจากลูกศิษย์ตัวน้อยผู้ไม่มีอะไรจะให้..แต่ก็หามาให้จนได้
AROUND THE WORLD
shares6088 views
AROUND THE WORLD
shares6088 views

คุณครูอวดของขวัญชิ้นประทับใจจากลูกศิษย์ตัวน้อยผู้ไม่มีอะไรจะให้..แต่ก็หามาให้จนได้

Sapparot - Dec 26, 2018

คุณครูชั้นประถมในสหรัฐฯ อวดของขวัญชิ้นโดนใจที่ได้รับในช่วงเทศกาลแห่งความสุขจากลูกศิษย์ตัวน้อยที่แม้ตัวเองจะไม่มีอะไรก็ยังตั้งใจสรรหาของขวัญมาให้คุณครูจนได้ ถึงจะเป็นแค่มาร์ชเมลโลว์จากซีเรียลอาหารเช้าธรรมดา ๆ แต่เพราะว่ามีความตั้งใจของหนูอยู่เต็มเปี่ยมในนั้น มันเลยพิเศษที่สุดเลย

10 รูปยอดไลค์สูงสุดใน Instagram 2018
LIFESTYLE
shares5312 views
LIFESTYLE
shares5312 views

10 รูปยอดไลค์สูงสุดใน Instagram 2018

Sapparot - Dec 25, 2018

10 รูปยอดไลค์สูงสุดจาก Instagram ปี 2018 รวมแล้วมาจากคนดังระดับโลกเพียง 5 คนเท่านั้น โดยมีหนูน้อย Stromi ลูกสาว Kylie Jenner เรียกยอดไลค์กดหัวใจให้คุณแม่ได้อย่างดีเชียว

อาทิตย์และดวงจันทร์ Rose Céleste เครื่องประดับน่ารักจาก Dior
Accesseries
shares4711 views
Accesseries
shares4711 views

อาทิตย์และดวงจันทร์ Rose Céleste เครื่องประดับน่ารักจาก Dior

Sapparot - Dec 24, 2018

Dior เผยโฉมแอคเซสซอรี่ชิ้นใหม่ Rose Céleste จี้กลมรูปพระอาทิตย์-พระจันทร์ งานแฮนด์เมดสุดปราณีตจากทองคำและเปลือกหอยมุก