ย่ำถิ่นเก่าชมความเก๋าของชุมชน ‘ตลาดน้อย’ เจริญกรุง

หากพูดถึงย่านชุมชนชาวจีนในกรุงเทพฯ หลายเสียงคงนึกถึงย่านเยาวราชยาวไปจนถึงสำเพ็ง แต่อีกหนึ่งชุมชนเก่าแก่ที่อยู่ไม่ไกลและถือเป็นพื้นที่รกรากของชาวจีนที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยอย่าง ‘ตลาดน้อย’ ซอยเจริญกรุง 22 ถึงแม้จะไม่คึกคักเท่าแต่ถือว่าเป็นย่านที่น่ามาสำรวจไม่แพ้กัน

ในวันนี้ SAPPAROT เลยขอพาทุกท่านลัดเลาะเข้าไปเยี่ยมชม 5 จุดเช็คอินสำคัญของตลาดน้อย ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสต์ตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทน์ตอนต้น ซึ่งจะมีที่ไหนบางนั้น เรามาย่ำเท้าเดินไปพร้อมกัน

1. ศาลเจ้าโจวซือก๋ง

ศาลเจ้าโจซือก๋ง (วัดซุนเล่งยี่) ศาลเจ้าเก่าแก่สถาปัตยกรรมแบบปลายราชวงศ์ชิง อายุประมาณ 200 ปี ​คาดว่าก่อสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ปัจจุบันคือศูนย์กลางของชาวจีนฮกเกี้ยนในกรุงเทพฯ โดยในเทศกาลกินเจของทุกปีจะมีชาวไทยเชื้อสายจีนหลั่งไหลกันมาเป็นจำนวนมาก ภายในประดิษฐานพระเฉ่งจุ้ยจ้อซูกง เทพเจ้าที่ได้รับการเคารพนับถือในด้านการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ

2. บ้านโซวเฮ่งไถ่ 

คฤหาสน์เก่าแก่สไตล์จีนฮกเกี้ยนอายุมากกว่า 200 ปี บ้านพักของเจ้าสัวสอน (หลวงอภัยวานิช) คหบดีชาวจีนคนสำคัญของชาวชุมชนตลาดน้อยในอดีต ผังบ้านมีลักษณะแบบเรือนสี่ประสาน ‘ซื่อเหอย่วน’ มีความหมายว่าความสมดุลทั้งสี่ โดยตัวบ้านทั้ง 4 ด้านจะหันหน้าเข้าหากันล้อมรอบลานบ้านที่อยู่ตรงกลาง ด้านหน้าเป็นซุ้มประตูทางเข้า ด้านหลังเป็นเรือนประธาน ปัจจุบันทายาทรุ่นที่ 8 เปิดเป็นโรงเรียนสอนดำน้ำ มานานกว่า 13 ปี

3. ศาลเจ้าโรงเกือก

ศาลเจ้าโรงเกือก หรือ ศาลเจ้าพ่อฮ้อนหว่องกุง ศาลเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ประดิษฐานขององค์เจ้าพ่อฮ้อนหว่องกุงจากเมืองจีน ก่อสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยพ่อค้าชาวจีนฮากกา (จีนแคะ) ในทุกเทศกาลตรุษจีนจะมีชาวไทยเชื้อสายจีนเข้ามาขอพรมีเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยะหรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภกันเป็นจำนวนมาก

4. ธนาคารไทยพาณิชย์แห่งแรก

อาคารสวยคลาสสิคสีเหลืองไข่ไก่ภายในซอยวานิชคือที่ตั้งของธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาดน้อย อาคารนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่เดิมเป็นที่ทำการของ ‘บุคคลัภย์’ ธนาคารแห่งแรกของประเทศไทย โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไชยันตมงคล กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็นแบงก์สยามกัมมาจล ตามด้วยธนาคารไทยพาณิชย์ในปัจจุบัน

ตัวอาคารเป็นตึก 3 ชั้น สถาปัตยกรรมแบบโบซาร์สร่วมกับนีโอคลาสสิค ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลีชุดเดียวกับที่ออกแบบพระที่นั่งอนันตสมาคม บางส่วนในอาคารแห่งนี้จึงมีความคล้ายคลึงกัน สำหรับไฮไลต์ของที่นี่คือการสัมผัสกลิ่นอายบรรยากาศเก่าๆ อย่างเคาน์เตอร์ให้บริการที่คล้ายกับโรงรับจำนำ โดยทุกวันนี้ยังคงเปิดให้บริการลูกค้าดังสาขาอื่นทั่วไป แต่จะเปิดเฉพาะวันจันทร์ถึงศุกร์เท่านั้น

5. โบสถ์กาลหว่าร์

‘โบสถ์กาลหว่าร์’ หรือ ‘วัดแม่พระลูกประคำ’ ศูนย์รวมจิตใจของชาวคริสต์ในย่านนี้ ตั้งอยู่ภายในโรงเรียนกุหลาบวิทยา โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิค มีผังเป็นรูปกางเขนโรมันหันหน้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ถูกก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2434 ปัจจุบันมีอายุรวม 127 ปี จึงถือเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์

ภายในโบสถ์โอ่อ่าสวยงาม ด้านในสุดเป็นที่ตั้งของพระแท่นหินอ่อน เหนือพระแท่นมีพระรูปจำลองขนาดใหญ่ของแม่พระและพระกุมารกำลังมอบสายประคำให้นักบุญดอมินิกและนักบุญกาเตรีนาแห่งซีเอนา ส่วนตามผนังมีรูปปั้นนักบุญต่างๆ และรูป 14 ภาค แขวนไว้โดยรอบ ขณะที่ภาพกระจกสีสันสดใสจะกล่าวถึงเรื่องราวเกี่ยวกับพระคัมภีร์เก่าและใหม่

และนอกจาก 5 จุดเช็คอินสำคัญของตลาดน้อยที่เราแนะนำไปแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถเก็บภาพ Street Art สวยๆ บนกำแพงบ้านหรือบนประตูหน้าต่างระหว่างสองข้างทาง รวมถึงยังสามารถเดินชมบรรยากาศเซียงกงกับเศษเหล็กกองโตที่ดูอาร์ตแบบไม่ได้ผ่านการปรุงแต่ง ว่าแล้ววันหยุดไหนว่างๆ อากาศดีๆ ก็อย่าลืมนึกถึง ‘ตลาดน้อย’ กันนะ!

ข้อมูลควรรู้
– ควรเดินทางด้วยรถสาธารณะเพราะที่จอดหายาก
– สามารถขึ้นรถประจำทางสาย  1 , 35 ,75 ลงป้ายตลาดน้อย และสาย 36, 93 ลงป้ายสี่พระยา
– หากเดินทางโดย MRT ลงสถานีหัวลำโพง สามารถเดินเข้ามาได้ประมาณ 1 กิโลเมตร
– หากเดินทางโดย BTS ลงสถานีสะพานตากสิน แล้วต่อรถสาธารณะมายังซอยเจริญกรุง 22