เรื่องน่ารู้คู่ครัวที่คนทำขนมควรอ่าน ประวัติของ “ช็อกโกแลตชิพ” ฉบับอ่านรวดเดียวจบ
“ช็อกโกแลตชิพ” (Chocolate chips) ส่วนประกอบสำคัญที่จะขาดไปไม่ได้ในการทำคุกกี้ช็อกโกแลตชิพ ขนมอบแสนอร่อยซึ่งเป็นที่โปรดปรานของคนทั่วโลก แต่ไม่ว่าจะคนกินหรือคนทำขนมจะนึกสงสัยบ้างไหมนะว่า “ช็อกโกแลตชิพ” นี่มันมีที่มาอย่างไรกันแน่ เอาล่ะ งั้นลองมาอ่านประวัติศาสตร์แห่งของช็อกโกแลตชิพกัน
กำเนิดคุกกี้ช็อกโกแลตชิพ (ฉบับเขาเล่ามาว่า…)
คนทำขนมน่าจะพอคุ้นหูกับชื่อสูตร “Toll house Cookies” กันมาบ้าง มันคือสูตรคุกกี้ช็อกโกแลตชิพที่ถูกพิมพ์ไว้บนแพ็กเกจ Semi-Sweet Chocolate Bar ของ Nestle และคุกกี้สูตรนี้ล่ะคือช็อกโกแลตชิพคุกกี้ฉบับออริจินัล
ที่มาของคำว่า โทลเฮาส์ ก็คือ Toll House Inn โรงแรมเล็กๆ ที่เปรียบเสมือนจุดพักรถระหว่างเมืองบอสตันและเบดฟอร์ด ในรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐฯ โดยมีเจ้าของคือนาย Kenneth และ นาง Ruth Graves Wakefield โดยคุณนายเวคฟิลด์คนนี้มีฝีมืออย่างมากด้านการทำอาหาร เธอปรุุงอาหารและขนมเสิร์ฟแก่แขกของโรงแรม และความเอร็ดอร่อยก็ขึ้นชื่อลือชาจนเป็นที่ดึงดูดผู้คนมากมายทั้งเหล่านักเดินทางและคนทั่วไปให้แวะเวียนมาชิมอาหารและขนมฝีมือเธอ
หนึ่งในขนมหวานที่เธอทำเสิร์ฟก็คือคุกกี้แซนวิช ที่มีคุกกี้ Butter Drop Do Cookies ประกบกับไอศรีมตรงกลาง แต่แล้วในวันหนึ่งในปี 1938 ขณะที่กำลังผสมคุกกี้อยู่ คุณนายเวคฟิลด์ก็พบว่าเบกกิ้งช็อกโกแลตแบบแท่งยี่ห้อ Baker’s ที่เธอใช้เป็นประจำนั้นหมดพอดี ก็เลยเอา Semi-Sweet Chocolate Bar ของ Nestle ที่ีอยู่มาสับเป็นชิ้นแล้วใส่แทน (บ้างก็ว่าถั่วหมดเลยเอาช็อกโกแลตมาใส่แทน)
แทนที่ช็อกโกแลตสับเหล่านั้นละละลายเป็นเนื้อเดียวไปกับตัวคุกกี้อย่างที่เคย Semi-Sweet Chocolate Bar ของ Nestle กลับยังคงรูปเอาไว้ไม่ละลายไปหมด คุกกี้ที่มีบัตเตอร์โดเป็นเบสผสมด้วยช็อกโกแลตเซ็ตนี้จึงให้รสสัมผัสและเท็กซ์เจอร์แปลกใหม่ และนี่คือต้นกำเนิดของ “คุกกี้ช็อกโกแลตชิพ” ที่โลกรู้จักมาจนถึงบัดนี้นั่นเอง
กำเนิดคุกกี้ช็อกโกแลตชิพ (ฉบับคุณนายเวคฟิลด์)
อาจเป็นเรื่องปกติมาตั้งแต่สมัยหลายสิบปีก่อนแล้วที่หากแต่งเติมเสริมเรื่องราวต้นกำเนิดของอะไรสักอย่างว่าให้ถูกค้นพบมาด้วยความบังเอิญ จะทำให้มันดูขลังดีมีสตอรี่น่าจดจำมากขึ้น เรื่องของคุกกี้ช็อกโกแลตชิพของคุณนายเวคฟิลด์เองก็เช่นกัน
ที่จริงแล้วการคิดค้นสูตรคุกกี้ใส่ช็อกโกแลตสับของคุณนายเวคฟิลด์ไม่ใช่ความบังเอิญ ไม่ใช่เรื่องช็อกโกแลตเบกกิ้งบาร์เผอิญหมดหรือถั่วหมดเลยใส่ช็อกโกแลตสับไปแทน มันเกิดจากกความตั้งใจคิดค้นทดลองสูตรของเธอต่างหาก
คุณนายรูธ เวคฟิลด์ ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องคุกกี้ช็อกโกแลตชิพอันโด่งดังของเธอกับหนังสือพิมพ์ Boston Herald-American เมื่อปี 1974 ว่า “โรงแรมของเราเสิร์ฟคุกกี้บัตเตอร์สก็อตแผ่นบางๆ ประกบไอศกรีมกันมานานแล้ว ฉันอยากให้คนทานได้กินอะไรที่แปลกใหม่บ้าง ก็เลยลองทดลองสูตรจนได้คุกกี้ Toll House cookie ขึ้นมา”
คุณนายเวคฟิลด์เขียนหนังสือทำอาหารของตัวเองชื่อ Toll House Tried and True Recipes ซึ่งพิมพ์ครั้งแรกในปี 1930 จนเมื่อมีการตีพิมพ์ซ้ำในปี 1938 เธอก็ได้เพิ่มคุกกี้ช็อกโกแลตชิพที่เพิ่งคิดสูตรได้ใหม่นี้ลงไปด้วย และตั้งชื่อว่ามันว่า “Toll House Chocolate Crunch Cookie” (ปัจจุบันหนังสือทำอาหารเล่มนี้ยังคงมีวางขาย และได้รับการตีพิมพ์มาทั้งหมด 39 ครั้งแล้ว และใช่แล้ว! คุกกี้ช็อกโกแลตชิพฉบับออริจินัลของคุณนายเวคฟิลด์เป็นคุกกี้แบบกรอบ อย่างที่ชื่อบอกว่าเป็น crunch cookie นี่ล่ะ)
จาก Toll House Chocolate Crunch Cookie สู่ Toll House Cookie
หลังคุกกี้ Toll House Chocolate Crunch Cookie แสนอร่อยได้ถือกำเนิดขึ้น มันก็เป็นที่นิยมและโด่งดังอย่างมาก ถึงขนาดได้ออกรายการสอนทำอาหารทางวิทยุ Betty Crocker ในปี 1939 (เป็นรายการสอนทำอาหารทางวิทยุรายการแรกที่โลกมี และนี่ก็คือ Betty Crocker เดียวกับยี่ห้อแป้งเค้กและคุกกี้ผสมสำเร็จที่มีวางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตนั่นเอง) เป็นคุกกี้สูตรที่ถูกทำและแพ็กใส่ถุงเสบียงส่งไปให้เหล่าทหารอเมริกันที่ออกรบช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (1939-1945) จนมีเหล่าทหารหลายนายเขียนจดหมายกลับหาญาติบอกให้ส่งคุกกี้นี้มาให้อีกเยอะๆ และบรรดาญาติๆ ของทหารจากหลายรัฐทั่วสหรัฐฯ ก็แห่ส่งจดหมายมาขอสูตรขนมจากคุณนายเวคฟิลด์ จนเกิดเป็นกระแสคุกกี้ช็อกโกแลตชิพ Toll House Chocolate Crunch Cookie ฟีเวอร์ขึ้นมาเลยทีเดียว
ด้วยความโด่งดังนี้เองในปี 1940 Nestle ก็ได้ติดต่อขอซื้อสูตรคุกกี้ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตจากบริษัทตนเป็นส่วนประกอบสำคัญจากคุณนายเวคฟิลด์ และดีลแสนอร่อยก็เกิดขึ้น โดยทาง Nestle ได้สูตรเด็ดนี้ไปพิมพ์เผยแพร่บนแพ็กเกจของ Semi-Sweet Chocolate Bar อันนับเป็นการตลาดที่ดีสำหรับโฆษณาและเพิ่มยอดขายช็อกโกแลตของตัวเอง พร้อมได้เปลี่ยนชื่อ “Toll House Chocolate Crunch Cookie” ให้สั้นลงเป็น “Toll House Cookie” ส่วนคุณนายรูธ เวคฟิลด์ ก็ได้ช็อกโกแลตฟรีจาก Nestle ใช้ไปตลอดชีวิต
จาก “ช็อกโกแลตบาร์” สู่ “ช็อกโกแลตชิพ”
คำว่า Chocolate chips ถูกใช้ครั้งแรกในประเทศอังกฤษ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 (ศตวรรษ 19 = ปี 1801-1900) โดยหมายถึงขนมบิสกิตแบบอังกฤษที่มีช็อกโกแลตผสม เป็นขนมสำหรับอัฟเตอร์นูนทีของชาวอังกฤษ ยังไม่ใช่คุกกี้แบบชาวอเมริกันคุ้นเคย และจะเห็นได้ว่าในสูตรดั้งเดิมนั้นช็อกโกแลตที่ใส่ก็ยังไม่ใช่ช็อกโกแลตชิพแต่เป็นช็อกโกแลตบาร์ที่นำมาสับเป็นชิ้นเล็กๆ เอง และในยุคนั้นก็ยังไม่มีแบรนด์ช็อกโกแลตเจ้าไหนทำช็อกโกแลตแบบชิ้นเล็กๆ สำหรับผสมในคุกกี้โดด้วย
กระทั่งสูตรคุกกี้ของคุณนายเวคฟิลด์สร้างกระแสโด่งดังไปทั่ว จนราวปี 1940 การเรียกช็อกโกแลตชิ้นเล็กๆ ที่ใส่ในคุกกี้ชนิดนี้ว่า “ชิพ” (chips) ก็เป็นที่นิยมโดยทั่วไปในอเมริกา และในปีเดียวกันนี้เอง Nestle ก็ทำช็อกโกแลตแบบชิ้นเล็กสำหรับใส่คุกกี้ออกวางขาย และถึงแม้จะเรียกผลิตภัณฑ์ของตนเองว่า Semi-Sweet Morsels (เป็นเจ้าเดียวที่ใช้คำ Morsel) แต่สำหรับคนทั่วไปก็คุ้นเคยและก็นิยมใช้คำว่า Semi-Sweet Chocolate Chips กันมากกว่า คุกกี้ที่มีลักษณะแบบนี้จึงเป็นที่รู้จักในชื่อของ Chocolate Chip Cookies นั่นเอง
อ้างอิง: mentalfloss, wikipedia_Toll House Inn, wikipedia_Ruth Graves Wakefield, bettycrocker, facts-about-chocolate
You may be interested
คุณครูอวดของขวัญชิ้นประทับใจจากลูกศิษย์ตัวน้อยผู้ไม่มีอะไรจะให้..แต่ก็หามาให้จนได้
Sapparot - Dec 26, 2018คุณครูชั้นประถมในสหรัฐฯ อวดของขวัญชิ้นโดนใจที่ได้รับในช่วงเทศกาลแห่งความสุขจากลูกศิษย์ตัวน้อยที่แม้ตัวเองจะไม่มีอะไรก็ยังตั้งใจสรรหาของขวัญมาให้คุณครูจนได้ ถึงจะเป็นแค่มาร์ชเมลโลว์จากซีเรียลอาหารเช้าธรรมดา ๆ แต่เพราะว่ามีความตั้งใจของหนูอยู่เต็มเปี่ยมในนั้น มันเลยพิเศษที่สุดเลย
10 รูปยอดไลค์สูงสุดใน Instagram 2018
Sapparot - Dec 25, 201810 รูปยอดไลค์สูงสุดจาก Instagram ปี 2018 รวมแล้วมาจากคนดังระดับโลกเพียง 5 คนเท่านั้น โดยมีหนูน้อย Stromi ลูกสาว Kylie Jenner เรียกยอดไลค์กดหัวใจให้คุณแม่ได้อย่างดีเชียว
อาทิตย์และดวงจันทร์ Rose Céleste เครื่องประดับน่ารักจาก Dior
Sapparot - Dec 24, 2018Dior เผยโฉมแอคเซสซอรี่ชิ้นใหม่ Rose Céleste จี้กลมรูปพระอาทิตย์-พระจันทร์ งานแฮนด์เมดสุดปราณีตจากทองคำและเปลือกหอยมุก