โลกร้อนกระทบธรรมชาติ หลังพบเต่าตนุเกิดใหม่ล้วนเป็นเพศเมีย เหตุอุณหภูมิในการฟักสูง

นอกเหนือจากปัญหาขยะพลาสติกล้นโลกอันเป็นต้นเหตุให้สิ่งมีชีวิตใต้ทะเลอย่างเต่าเข้าใจผิดว่าเป็นอาหารและกินเข้าไปจนเกิดเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตแล้ว อีกหนึ่งปัญหาที่คืบคลานเข้ามาคือการเกิดใหม่ของลูกเต่าตนุในเขต Great Barrier Reef ประเทศออสเตรเลีย พบว่าล้วนเป็นเพศเมียกว่า 99% อันเป็นผลกระทบจากปรากฏการณ์ภาวะโลกร้อน ซึ่งสัดส่วนระหว่างเพศที่ผิดปกติเช่นนี้จะคุกคามประชากรเต่าทะเลในอนาคตอันใกล้

ทั้งนี้ จากการศึกษาประชากรเต่าที่มีลักษณะแตกต่างทางพันธุกรรมสองกลุ่มใน Great Barrier Reef โดย NOAA California State University และ WWF Australia พบว่า จากประชากรเต่าตนุทางตอนเหนือประมาณ 200,000 ตัว มีลูกเต่าและเต่าวัยรุ่นที่เป็นตัวเมียกว่า 99% ส่วนกลุ่มตัวเต็มวัยก็เป็นตัวเมียถึง 87% และคาดว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเต่าทะเลกลุ่มนี้อาจจะกลายเป็นตัวเมียทั้งหมด ขณะเดียวกันประชากรทางตอนใต้ก็มีสัดส่วนตัวเมียเกือบ 70%

สำหรับการกำเนิดลูกเต่าตนุนั้นอุณหภูมิของหาดทรายในการฟักไข่จะเป็นส่วนสำคัญในการระบุเพศของมัน โดยหากอุณหภูมิของหาดทรายต่ำกว่า 27.7 องศาเซลเซียส ลูกเต่าจะฟักออกมาเป็นตัวผู้ แต่หากอุณหภูมิสูงกว่า 31 องศาเซลเซียส ลูกเต่าที่ฟักออกมาจะเป็นตัวเมีย แต่หากอุณหภูมิอยู่ระหว่างช่วงดังกล่าวจะทำให้ได้ลูกเต่าคละเพศกันไป ดังนั้น สภาวะโลกร้อนที่ส่งผลโดยตรงต่ออุณหภูมิจึงเป็นภัยคุกคามสำหรับประชากรเต่าทะเลกลุ่มนี้

ภาพ: Francesco Veronesi / Flickr

อย่างไรก็ดี ปัญหาประชากรเต่าตนุตัวเมียเพิ่มสูงขึ้นไม่ได้จำกัดวงแค่เพียงเขต Great Barrier Reef เท่านั้น แต่ยังพบว่าที่เกาะตรังกานู ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีเต่าตนุมากที่สุดในพื้นที่แถบนี้ก็มีปัญหาเรื่องจำนวนตัวเต่าตนุตัวเมียเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ส่วนในประเทศไทยเองถึงแม้ยังไม่มีการเก็บข้อมูลเพศเต่าตนุทะเลอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าน่าจะประสบชะตากรรมเดียวกัน