หญิงฝรั่งเศสถ่ายทอดประสบการณ์นรกวัยเด็ก ถูกพ่อแท้ๆ จับทรมานโหด หวังฝึกลูกให้เป็นซูเปอร์ฮิวแมน

Maude Julien หญิงชาวฝรั่งเศสวัย 60 เขียนหนังสือบอกเล่าประสบการณ์เลวร้ายวัยเด็ก เหมือนตกนรกทั้งเป็นจากการอยู่ภายใต้การปกครองของบิดา ผู้จับเธอฝึกทรมานร่างกายต่างๆ นานา ทั้งกำสายไฟ จับห้อยจากหน้าผา กรอกเหล้า ฯลฯ หวังให้ลูกสาวแข็งแกร่งเหนือกว่าใครเพื่อปกป้องโลกจากปีศาจร้ายในวันสิ้นโลก

Maude  Julien ถ่ายทอดความทรงจำแสนเจ็บปวดลงในหนังสือ “The Only Girl in the World” ชีวิตวัยเด็กของเธอเติบโตขึ้นมาที่คฤหาสน์ที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวทางตอนเหนือของฝรั่งเศส กับ Louis Didier บิดาผู้มีฐานะร่ำรวยจากธุรกิจขนส่งสินค้าช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ทว่าติดสุราและเป็นสมาชิกสมาคม Freemasonry ที่เชื่อในเวทตร์คาถาและเรื่่องเหนือธรรมชาติ เขาเชื่อว่าโลกจะต้องเผชิญจุดสิ้นสุด ถูกคุกคามจากวิญญาณร้าย และเชื่อว่าลูกสาวของตนคือผู้ถูกเลือกให้มาปัดเป่าความชั่วร้ายเหล่านี้ จึงเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องฝึก Julien ให้แข็งแกร่งเหนือกว่ามนุษย์คนอื่นใด

ในวัยเด็ก Julien ถูกฝึกฝนทรมานร่างกายหลายรูปแบบ ทั้งให้เอามือเปล่ากำสายไฟที่มีกระแสไฟไหลผ่านโดยห้ามแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาเด็ดขาดเป็นเวลาถึง 10 นาที จับขังห้องใต้ดินที่เป็นรังหนูนานข้ามคืนเพื่อให้ครุ่นคิดเรื่องความตาย จับห้อยจากหน้าผา ให้ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ โดนจับกรอกวิสกี้แล้วบังคับให้เดินเป็นเส้นตรง (การถูกบังคับดื่มแอลกอออล์ในวัยเด็กส่งผลต่อตับของเธอมาจนถึงปัจจุบันนี้) ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงอายุ 3-13 ปี เธอยังถูกล่วงละเมิดทางเพศจากคนงานที่ทำงานในคฤหาสน์ของพ่ออีกด้วย

ไม่มีใครเลยที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเธอจากการปกครองและการฝึกความอดทนอันวิปลาสของผู้เป็นบิดา แม้แต่แม่ของ Julien เองก็มิอาจต่อต้านผู้เป็นสามีได้ มารดาของเธอเองก็ถูกนาย Didier รับมาเลี้ยงตั้งแต่ 6 ขวบและเลี้ยงดูจนเติบโตมาเป็นภรรยาของตนเอง กระทั่งให้กำเนิดลูกซึ่งก็คือ Julien เมื่อปี 1957 สิ่งที่ปลอบประโลมจิตใจของเธอได้เห็นจะมีเพียงการอ่านหนังสือ สุนัข และม้าอีก 2 ตัว ซึ่ง Julien เอ่ยวาหากไม่มีสัตว์เลี้ยงทั้ง 3 ตัวนี้ เธออาจจะไม่ได้มีชีวิตอยู่มาจนถึงปัจจุบัน พวกมันสอนให้เธอได้รู้จักความอบอุ่นซึ่งเธอไม่เคยได้รับเลยจากคนในครอบครัว เพราะผู้เป็นบิดาห้ามทุกคนในบ้านแตะต้องเนื้อตัวกัน

ในที่สุดผู้ช่วยชีวิตเธอก็โผล่เข้ามาเมื่อ Julien อายุได้ 15 ปี เขาเป็นคุณครูสอนดนตรีที่พ่อให้มาสอนเธอเล่นแอคคอเดียนและเปียโนที่บ้าน Andre Molin มาสอนดนตรีให้ร่วม 3 ปี จนได้รับความไว้วางใจจากนาย Didier อนุญาตให้พา Julien ไปเรียนดนตรีที่ร้านของนาย Andre ที่อยู่เมืองใกล้ๆ กันได้

Julien เรียนดนตรีที่นี่ กระทั่งได้ทำงานในร้านนั้น และพบรักกับนักดนตรีหนุ่มคนหนึ่ง และแล้วในอายุ 18 ปี ผู้เป็นบิดาก็ยอมอนุญาตให้เธอแต่งงานกับหนุ่มคนรักได้ โดยมีข้อแม้ว่าเธอจะต้องกลับมาที่คฤหาสน์นี้ในอีก 6 เดือนข้างหน้า และจะต้องกลับมาอย่างสาวบริสุทธิ์…แน่นอนว่า Julien รีบคว้าโอกาสที่จะได้เป็นอิสระนี้ไว้ และไม่เคยหวนกลับไปบ้านอีกเลย…

Julien มีลูกสาวกับหนุ่มนักดนตรีผู้นี้ 1 คน ก่อนจะแต่งงานใหม่ มีลูกอีก 1 คน และใช้ชีวิตกับครอบครัวอย่างสงบมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนนาย Louis Didier ผู้เป็นบิดา เสียชีวิตไปเมื่อปี 1981 ด้วยวัย 79 ปี มารดาของเธอยังมีชีวิตอยู่ แต่น่าเสียดายที่ทั้งคู่ไม่มีความผูกพันเยี่ยงแม่ลูกระหว่างกันมากนัก

อย่างไรก็ดีแม้ชีวิตหลังได้รับอิสระของ Julien จะสงบสุขแต่ก็ไม่ได้ราบรื่นนัก เพราะนอกจากร่องรอยความเจ็บปวดทางกาย จิตใจเองบอบช้ำไม่แพ้กัน เธอต้องเข้ารับการบำบัดทางจิต กระทั่งต่อมาก็ได้เรียนด้านจิตเวชและกลายเป็นนักบำบัดด้วยในเวลาต่อมา

แม้การเขียนหนังสือบอกเล่าเรื่องราวที่ตนเองเผชิญจะทำให้เธอต้องเจ็บปวดกับความทรงจำอันเลวร้าย แต่เธอก็ดีใจที่เขียนมันจนเสร็จและได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ออกมา โดยส่วนหนึ่งเธอตั้งใจอุทิศให้แก่มารดา ซึ่งเธอคิดว่าท่านเองก็ตกเป็นเหยื่อของพ่อเธอเช่นกัน

ที่มา: nypost, dailymail
ภาพ: amazon, babelio