ชายอเมริกันกับแผลลึกในใจกับการเป็นเด็กถูกทิ้ง…41 ปีผ่านไปจึงรู้ความจริงและหวนพบครอบครัวแสนอบอุ่น

เรื่องราวแสนดราม่าแต่ว่าเกิดขึ้นจริงกับหนุ่มใหญ่ชาวอเมริกันเชื้อสายชิลี ผู้มีปมค้างคาในใจมาตลอด 41 ปี ว่าตัวเองไม่เป็นที่ต้องการ ถูกแม่ทิ้งตั้งแต่แรกคลอด แต่การเดินหน้าค้นหาความจริงก็ทำให้พบคำตอบที่ทำให้ความเคว้งคว้างในหัวใจหมดไปอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้งและอบอุ่นที่สุด

Travis Tolliver หนุ่มชาวอเมริกันที่ดูจะมีชีวิตที่สมบูรณ์และมีความสุขดีทุกประการ เขามีครอบครัวของตัวเอง ภรรยาที่ดี และลูกสาวที่น่ารักทั้ง 2 คน ทั้งยังมีพ่อแม่ที่รักและเลี้ยงดูเขามาอย่างดี แม้จะไม่ได้ผูกพันกันโดยสายเลือดเลยก็ตาม… สิ่งนี้เองที่เป็นเหมือนช่องว่างที่ซุกซ่อนในหัวใจและไม่อาจถมให้เต็มได้ของเขา Travis รับรู้มาโดยตลอดว่าตนเองไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อแม่ พ่อแม่รับเขาซึ่งเป็นทารกที่ถูกทอกทิ้งมาเลี้ยง เขาความรู้สึกลึกๆ ว่าตัวเองเป็นคนนอกเสมอ เมื่อพ่อกับแม่ผมบลอนด์ตาฟ้า แต่เขาไม่ได้ดูเหมือนแบบนั้นเลยสักนิด

ย้อนกลับในปี 1973 ที่โรงพยาบาล Enrique Deformes Hospital ในชิลี Nelly Reyes หญิงสาววัย 19 ปี ให้กำเนิดทารกเพศชาย แต่เคราะห์ร้ายพยาบาลเข้ามาบอกว่าทารกน้อยมีภาวะวิกฤติเกี่ยวกับหัวใจ ทั้งๆ ที่ตลอดการตั้งท้องและได้ตรวจครรภ์มาหมอบอกว่าลูกของเธอแข็งแรงสมบูรณ์ดีทุกประการ และอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมาเธอก็ได้รับแจ้งข่าวหัวใจสลายว่าลูกชายตัวน้อยของเธอเสียชีวิตลงแล้ว Nelly ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้เห็นหน้าหรือว่าอุ้มลูกเลยสักครั้ง แต่ที่น่าแปลกคือเธอไม่ได้รับเอกสารใดๆ หรือมรณบัตรของลูกชายเลย

เป็นเวลาถึง 41 ปีผ่านไปกว่าที่เรื่องราวอันบิดเบี้ยวนี้จะคลี่คลาย Travis Tolliver ไม่ใช่ทารกที่ถูกมารดาทอดทิ้ง และลูกชายของ Nelly Reyes ก็ไม่ได้ตายตั้งแต่แรกคลอด!

Travis เริ่มต้นค้นหาความจริงเกี่ยวกับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดตั้งแต่สมัยเป็นหนุ่ม แต่ด้วยข้อมูลที่มีจำกัดทำให้การตามหาไม่สำเร็จ จนกระทั่งในปี 2014 ข่าวคราวว่าด้วยเรื่อง “Children of Silence” ซึ่งเป็นคำเรียกรวมๆ ของกรณีทารกถูกขโมยในชิลี ที่เกิดชุกชุมในช่วงทศวรรษ 1970-1980 คาดการณ์คร่าวๆ ว่าอาจมีมากนับพันราย ทำให้ Travis ตั้งใจสืบเสาะเรื่องต้นกำเนิดของตัวเองอีกครั้ง เขาลองให้ข้อมูลตัวเองกับองค์กรที่ช่วยตามหาครอบครัวที่แท้จริงของเหยื่อในเคสนี้ และก็ได้พบว่า DNA ของเขาตรงกับนาง Nelly Reyes หญิงชาวชิลีผู้ไม่เคยได้หน้าลูกชายผู้ล่วงลับนับตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลกเลย เขาเองก็เป็นหนึ่งในเด็กกลุ่ม Children of Silence ด้วย!

Travis เผยว่า การได้รู้ความจริงว่าที่จริงเขาไม่ได้เป็นลูกที่ถูกพ่อแม่ตั้งใจทอดทิ้งทำให้หัวใจพองโตและลิงโลดอย่างอธิบายไม่ได้ และคนที่ตกใจกับการค้นพบนี้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตนก็คือพ่อแม่ชาวอเมริกันที่เลี้ยงเขามานั่นเอง ทั้งคู่รับเขามาเลี้ยงโดยถูกบอกว่าเขาเป็นทารกถูกทิ้งเช่นกัน เด็กๆ ที่เป็นเหยื่อในกรณี Children of Silence ถูกลักจากโรงพยาบาลตั้งแต่แรกคลอด นำไปขายให้กลุ่มที่นำเด็กไปส่งต่อให้ครอบครัวที่ต้องการมีลูก ในหลายเคสพบว่ามีการสมรู้ร่วมคิดจากหมอและพยาบาล บ้างก็มีนักบวชและแม่ชีร่วมด้วย บางครอบครัวก็เป็นตายายของทารกเองด้วยซ้ำที่เอาหลานมาขาย เพราะเป็นทารกที่เกิดมาสร้างความอับอายให้ครอบครัวหรือเป็นการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์

และในปี 2015 สิ่งที่รอคอยยาวนานกว่า 41 ปีก็สิ้นสุดลง Travis บินกลับไปเยือนแผ่นดินเกิดที่จากมาอย่างไม่ตั้งใจตั้งแต่วัยแบเบาะ และได้พบนาง Nelly Reyes แม่ผู้ให้กำเนิด แม่ที่แท้จริง และแม่ที่มีสายเลือดเดียวกับเขาเป็นครั้งแรก นาง Nelly มารอรับลูกชายที่สนามบิน กับป้ายที่เขียนข้อความภาษาอังกฤษว่า “Lovingly waiting for Travis, your mother Nelly and family.” (กำลังรอเจอ ทราวิส อย่างแสนรัก จาก เนลลี่ แม่และครอบครัวของลูก) นาทีแรกที่ได้เห็นหน้า ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมา นอกจากอ้อมแขนที่โผเข้าสวมกอดกันและน้ำตาแห่งความตื้นตันที่คลอหน่วย

หลังจากวันอันแสนสุขนั้น ชีวิตของ Travis ก็ยิ่งกว่าได้รับการเติมเต็มใดๆ เขามีพ่อแม่ที่รักถึง 4 คน และวุ่นวายอย่างมีความสุขกับการทำความรู้จักครอบครัวใหญ่ เขาได้ค้นพบว่าตัวเองมีน้องชายอีก 4 และน้องสาวอีก 1 คน แถมยังมีหลานๆ อีกด้วย

ช่วงเวลา 41 ปีที่หล่นหายไปและอดีตที่กลับไปแก้ไขไม่ได้ของ Travis ได้รับการชดเชยอย่างชุ่มฉ่ำด้วยความรักอย่างเต็มเปี่ยมจากครอบครัวของเขา โดยเฉพาะจากคุณแม่ Nelly ที่คอยจูบและสวมกอดลูกชายคนนี้ให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันเป็นความรักที่เธออยากมอบให้ Travis มาอย่างยาวนาน เป็นความรักที่มีให้ลูกคนนี้มาตลอดตั้งแต่วันแรกที่ตั้งครรภ์เขาขึ้นมาแต่เพิ่งจะมีโอกาสได้แสดงออกก็ตอนนี้เอง

คลิปเรื่องราวของ Travis จาก CNN

ที่มา: Uplift, CNN
ภาพ: เฟซบุ๊ก Travis Tolliver