Hot Spot: Fat Beaver ชิมเค้กอร่อยๆ ที่ต่อให้อ้วนก็ไม่กลัว

เริ่มเข้าวันทำงานหลังเปิดเทศกาลปีใหม่อย่างนี้ หลายคนน่าจะยังคิดถึงบรรยากาศของการพักผ่อนสุดสบายในวันหยุดยาวที่ผ่านมา อย่างการนั่งทานขนมอร่อยๆ จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ไม่คิดอะไรมากไปกว่ากิน กิน และกิน และร้าน “Fat Beaver” ที่เราพามาชิมในวันนี้ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกหากวันไหนเคร่งเครียดจากการงาน เราเชื่อว่าของหวานช่วยทุกคนได้

หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อหรือลองสั่งเค้กปอนด์หน้าตาน่าทานของร้านนี้มาบ้าง เพราะก่อนที่ดิว-พันธิภา เกียรติเสวี อดีตสาวเอเจนซี่โฆษณาจะได้ฤกษ์เปิดหน้าร้านที่โครงการ The Seasons เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ร้านนี้เขามีลูกค้าคอยอุดหนุนผ่านการขายใน Instagram และตลาดนัดต่างๆ กว่าสองปีแล้ว

“เราเป็นคนชอบกินขนมอยู่แล้ว พอเจอว่าเค้กนี้อร่อย แบบนี้น่าทาน ก็ลองทำมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนแรกไม่ได้คิดจะยึดเป็นอาชีพจริงจัง แต่บังเอิญมีจังหวะเปลี่ยนงานพอดีก็เลยตัดสินใจมาทำดู เริ่มจากลุยตลาดนัดพวก K-Village Street Market, Winter Market Fest หรือ Sweet Market Fest ที่สยามพารากอนก่อน ทำให้มีแฟนคลับติดตามระดับหนึ่ง” ดิวเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของร้านบีเวอร์อ้วนๆ ที่เธอกับน้องสาวลงมือเองทุกอย่างตั้งแต่คิดสูตรขนม ส่งเค้กให้ลูกค้า และตกแต่งร้านจนออกมาเป็นร้านสไตล์ลอฟท์นั่งสบาย


“ทุกอย่างเกิดจากลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง ตอนแรกเราก็นอยด์ อยากไปเรียนให้รู้ว่าสิ่งที่อ่านมามันถูกจริงไหม แต่เดี๋ยวนี้ทุกอย่างหาได้ในอินเทอร์เน็ต ก็คิดซะว่าของที่ทิ้งไประหว่างลองทำเป็นค่าเรียน เวลาทำเราจะบันทึกว่าวันนี้ใช้สูตรนี้ได้ผลเป็นยังไง ครั้งต่อไปจะปรับเทคนิคแบบไหน การทำขนมเป็นวิทยาศาสตร์มากกว่าที่เราเคยคิดไว้มาก”

แต่ถึงจะผ่านอุปสรรคมาหลายอย่าง แต่ดิวบอกว่าเธอมีแพสชั่นในขนมหวานเยอะมากและยังสนุกกับการลองทำเค้กแปลกๆ ใหม่ๆ มาให้ลูกค้าตามชิมตลอดเวลา

คีย์หลักของขนมทุกชิ้นที่นี่อยู่ที่วัตถุดิบซึ่งคัดสรรมาอย่างดี แม้ต้นทุนจะสูงแต่ก็ยอมแลกกับความอร่อยแบบเน้นๆ ใช้น้ำตาลน้อยแล้วพึ่งความหวานจากตัววัตถุดิบเองมากกว่า “เราให้ความสำคัญกับทุกวัตถุดิบที่ใช้ เปลี่ยนไม่ได้ สูตรต่างๆ ที่ทำมาเลยค่อนข้างตายตัว เพราะถ้าลูกค้ามาทานสองครั้งแล้วไม่เหมือนกัน เขาก็ไม่แฮปปี้ เพราะไม่รู้ว่ามาครั้งหน้าจะอร่อยเหมือนเดิมหรือเปล่า”


สำหรับเมนูที่เราได้ลองชิมวันนี้อาจจะเป็นเค้กที่มีขายทุกร้าน แต่กลับมีรสชาติแตกต่างแบบหยุดทานไม่ได้ ตั้งแต่เค้กมะพร้าว (80 บาท) ที่ตักมาทุกคำก็จะได้ทานเนื้อมะพร้าวหวานกรอบไปด้วย เค้กเสาวรส (80 บาท) ที่ใช้เสาวรสคั้นสดปลูกเองจากสวนเป็นส่วนประกอบ นำมาเข้าคู่กับราสเบอร์รี่ทำให้ได้รสเปรี้ยวตัดกับความหวานได้ลงตัว หรือบานาน่าเบรด (60 บาท) เนื้อแน่นที่ใช้กล้วยหอมทองหวานๆ แถมไม่ใส่น้ำมันพืช แต่เลือกใช้เนยสดแท้ๆ แทน

“ลูกค้ากลุ่มแรกของเราคือเพื่อนๆ ช่วยกันคอมเม้นท์ ถ้าทำไม่อร่อยก็โดนด่า” ดิวบอกแล้วหัวเราะ “แถมจริงๆ วัตถุดิบพวกนี้ก็ไม่ได้แพงมาก จากที่เราเป็นคนกินแล้วเปลี่ยนเป็นคนทำ เราจะรู้ว่าสิ่งที่เรากินมาตลอดคืออะไร ก็สะท้อนกลับมาว่าเราอยากทำของดีให้คนอื่นกิน”

คุกกี้คัพ (100 บาท) เคลือบช็อกโกแลตไว้ด้านใน เมนูฮิตอีกอย่างที่ดิวกับน้องสาวช่วยกันทดลองคิดสูตร นอกจากอร่อยแล้วยังถ่ายรูปสวยเก๋ จะสั่งกลับบ้านไปทานเล่นกรอบๆ หรือจะเลือกเครื่องดื่มเป็นเอสเพรสโซหรือช็อกโกแลตร้อนในแก้วก็ได้ เป็นเมนูน่ารักไปอีกแบบ

ปิดท้ายกันด้วยเครื่องดื่มที่มีให้เลือกครบทั้งกาแฟ ชา เสาวรสโซดาหรือสตรอว์เบอร์รี่โซดาที่กวนซอสกันเองแบบโฮมเมด แต่เมนูที่เราเลือกดื่มวันนี้คือ My Honey Espresso (95 บาท) ช็อตเอสเพรสโซเชคกับน้ำผึ้งป่าและผิวส้มที่ได้รสขมแต่เจือความเปรี้ยวซ่าๆ สดชื่นพร้อมกลับไปลุยงานต่อ

“เราไม่ได้บอกว่าขนมร้านเราดีที่สุด แค่หวังว่าจะเจอลูกค้าที่ชอบแบบเดียวกัน ความสุขของเรามีแค่ลูกค้ามาทานแล้วแฮปปี้กลับไปแค่นั้นเอง” ดิวบอกถึงเหตุผลที่เธอยังมีความสุขกับการตื่นเช้ามาตั้งเตาอบขนมในทุกๆ วัน

FIND IT:
Fat Beaver
เปิดทุกวัน 10.00 – 21.00 น.
The Seasons ชั้น 2 (ติดกับโรงพยาบาลพญาไท 2)

Hot Spot: พาไปชิมร้านอาหารและคาเฟ่เปิดใหม่ทั่วกรุงเทพฯ ก่อนใคร อร่อยหรือไม่จะมารีวิวกันจริงๆ
มีร้านไหนเปิดใหม่ไม่เกิน 6 เดือน แวะมาบอกเราได้ที่ krungthep@coconuts.co