COCO Q&A: ชวนคุยกับบล็อกเกอร์ ‘moodytwenties’ ไบโพลาร์นี้คืออะไรแน่?
ไบโพลาร์คืออะไร?
หลายคนคงมีเครื่องหมายคำถามเต็มหัวเมื่อรู้ว่าใครบางคนเป็นไบโพลาร์ เดี๋ยวเขาจะอารมณ์ดี เดี๋ยวก็อารมณ์ร้ายใช่ไหม? เขาใช้ชีวิตอยู่กันยังไง? จะหายหรือเปล่า?
คำถามมีอยู่เต็มหัว แต่คำอธิบายที่ถูกต้องและเข้าใจง่ายกลับไม่ค่อยมี โชคดีที่เราได้เจอบล็อก moodytwenties ของโน้ต-ปวเรศ วงศ์เพชรขาว และฝน-วรรษชล ศิริจันทนันท์ สองเพื่อนซี้ที่ใช้ชีวิตอยู่กับโรคไบโพลาร์แบบรู้จริงเจ็บจริงกว่า 4 ปี มาแชร์ประสบการณ์ให้เราอ่านด้วยภาษาง่ายๆ ไม่ว่าจะอาการที่พวกเขาต้องรับมือ วิธีการรักษาทั้งประเภทของยาหรือ Survival Guide ดูแลสุขภาพใจที่ใครๆ ก็นำไปทำตามได้ ยิ่งบวกกับภาพประกอบสวยๆ ก็ยิ่งอ่านเพลิน
เมื่อสบโอกาส เราเลยส่งคำถามในหัวให้โน้ตและฝนช่วยไขข้อข้องใจชัดๆ เกี่ยวกับไบโพลาร์ พ่วงด้วยข้อสงสัยตามประสาคนยุคสมัยนี้ที่ยุ่งและเครียดจนลืมสังเกตจิตใจตัวเอง
พักจากงาน 10 นาทีแล้วใช้เวลานี้มาสำรวจจิตใจตัวเองกันหน่อยนะ
ที่มาที่ไปของการทำบล็อก moodytwenties เริ่มจากไหน ทำไมถึงอยากแชร์ประสบการณ์ที่ตัวเองเป็นไบโพลาร์ให้คนอื่นๆ อ่าน
เราสองคนอยู่กับไบโพลาร์มาครบวงจรเบื้องต้นของมันแล้ว คือรู้สึกกับมันครบทุกอย่าง ตั้งแต่เกลียด กลัว โกรธ หลอน หรือกระทั่งรักมันในบางอารมณ์ แต่พอเรารู้จักมันลึกขนาดนี้แล้ว เราพบว่าคนส่วนใหญ่รอบตัวกลับรู้จักและเข้าใจมันโคตรจะผิดเลย จะชอบเจอคนที่คิดว่าไบโพลาร์คือเป็นบ้า ทำตาโตตกใจกลัวแล้วถามว่าเป็นจริงหรอ แกหัวเราะสลับกับร้องไห้ทุกห้านาทีรึเปล่า
เราอยากให้คนทั่วไปเข้าใจว่าไบโพลาร์ก็เป็นแค่โรคชนิดหนึ่ง เหมือนเบาหวาน มะเร็ง หรือไมเกรน คนที่เป็นโรคเหล่านี้ยังใช้ชีวิตได้ปกติ แค่ต้องดูแลตัวเองมากขึ้นเท่านั้น ประกอบกับโรคนี้มันละเอียดและซับซ้อนมากเกินกว่าจะทำเป็นอินโฟกราฟิกรูปเดียวจบ และเรื่องมันยาวเกินกว่าจะเขียนจบได้ในกระทู้พันทิปกระทู้เดียว บวกกับเราเรียนสื่อสารมวลชนมาเลยคิดว่าการเขียนเล่าเรื่องบนอินเทอร์เน็ตนี่แหละคือสิ่งที่เราถนัด ก็เลยกลายเป็นบล็อกนี้ขึ้นมา
สังคมไทยยังมีปัญหาตรงไหนที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจโรคไบโพลาร์
ปัญหาหลักคือคนไม่มองว่าไบโพลาร์เป็นโรค แต่มองว่าเป็นอาการอย่างหนึ่งที่เราคิดไปเอง คนเหล่านั้นก็จะมองว่าผู้ป่วยไบโพลาร์เป็นคนน่ากลัว คาดเดาไม่ได้ ควบคุมตัวเองไม่ได้ อะไรไม่ถูกใจต้องโมโหร้าย ดีใจก็หัวเราะบ้าคลั่งไม่หยุดหย่อน หรือเสียใจทีก็ร้องห่มร้องไห้เป็นเรื่องใหญ่โต กลายเป็นคนไม่น่าเข้าใกล้ ทำให้ไม่มีใครใส่ใจหรือเอาเป็นประเด็น คิดว่าเดี๋ยวมันก็หายบ้า แต่จริงๆ แล้วมันไม่หายไปหรอก เพราะมันคือโรค คือความผิดปกติของสารเคมีในสมอง (Chemical Imbalance) ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ไม่ใช่นั่งสมาธิหรือดื่มชาสมุนไพรแล้วจะหายใน 3 วินาที นี่แหละคือสิ่งที่เราอยากให้คนเข้าใจ
ปฏิกิริยาของคนใกล้ตัวเมื่อรู้ว่าเราเป็นไบโพลาร์เป็นยังไงบ้าง
จะมีรีแอคชั่นหลักๆ สองแบบ หนึ่งคือพยายามบอกว่าเราคิดไปเอง เพราะเราดูปกติดี สองคือสงสารเรามากๆ และพยายามช่วยหาวิธีแก้ปัญหา ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะออกมาในรูปแบบของการพึ่งศาสนาอย่างที่เล่าไป ทำให้เห็นเลยว่าสังคมไทยยังไม่ยอมรับว่าการไปพบจิตแพทย์เป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ยังติดภาพคนไข้หลังคาแดงเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ปัญหาก็คือทำให้อาการของผู้ป่วยถูกมองข้าม กดทับ ละเลย และไม่ได้รับการรักษา กระทั่งผู้ป่วยบางคนก็ยังไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นโรค ไม่ยอมไปพบจิตแพทย์ ไม่ยอมกินยาเสียเอง
ไบโพลาร์พาโน้ตกับฝนไปเจออะไรมาบ้าง
นอกจากอาการอย่างอารมณ์ที่ขึ้นลงจนตั้งตัวไม่ทัน การต้องเผชิญกับความเศร้าแบบสุดๆ หรือบ้าพลังแบบขาดสติ สิ่งที่เราต้องเจอคือเราต้องสูญเสียตัวตนบางส่วนซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากยาที่เรากินเพื่อรักษาโรคนี้ เช่นปกติแล้วเราเป็นคนที่มีแพชชั่นกับชีวิตมากๆ แต่พอกินยาเรากลับไม่ตื่นเต้นกับสิ่งที่เราทำอีกต่อไป เพราะยามันเคลือบความรู้สึกเราไว้จนไม่รู้สึกอะไรเลย บางทีเราก็จำไม่ได้ว่าความเศร้าเป็นยังไง ความสุขเป็นยังไง หรือความสนุกจากสิ่งที่เราเคยชอบเคยทำเป็นยังไง และบางครั้งเราก็ทำความสัมพันธ์ดีๆ กับคนรอบตัวหล่นหายไปแบบที่เอากลับมาไม่ได้ แต่มาถึงขนาดนี้แล้วก็คงต้องไปต่ออย่างเดียวเนอะ 🙂
จริงๆ แล้ว ไบโพลาร์เกิดจากอะไร ความเครียด การทำงานหนักและการแข่งขันที่สูงขึ้นของคนยุคนี้มีผลต่อการเป็นโรคนี้รึเปล่า
ไอเดียหลักๆ ของโรคนี้คือความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง ซึ่งคนที่ร่างกายเกิดมาสมดุลอยู่แล้ว ความเครียดอะไรต่างๆ ก็กระทบสารเคมีในสมองได้ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ส่วนคนที่ไม่สมดุล ต่อให้ไม่มีความเครียดมันก็ยังไม่สมดุลอยู่ดี เราเลยไม่อยากพูดว่าไบโพลาร์เกิดจากความเครียด การทำงานหนัก การแข่งขันที่สูง ปัจจัยภายนอกเหล่านั้นเป็นเพียงแค่ตัวกระตุ้นให้คนที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับสารเคมีในสมองอยู่แล้วแสดงอาการออกมาเร็วขึ้นและชัดเจนขึ้นมากกว่า
คนทั่วไปมีความเครียด ความโกรธ และความเศร้าได้เหมือนกัน เพราะมันคืออารมณ์หนึ่งของมนุษย์นั่นแหละ เพียงแต่คนที่เป็นโรคพวกนี้จะควบคุมความรู้สึกได้ยากกว่าคนทั่วไป เราเลยเชื่อว่าโรคไบโพลาร์ไม่ได้เกิดง่ายๆ ไม่ได้เครียดแล้วเป็นเลย แต่มันมีความซับซ้อนกว่านั้นมาก
เราสามารถสังเกตตัวเองได้เลยไหมว่าเราเป็นไบโพลาร์หรือเปล่า
อันนี้เป็นคำถามยอดฮิตเลย มีแต่คนมาถามว่าแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเราเป็น ‘เราเศร้ามาก เราเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า’ หรือ ‘เราโมโหง่ายมากๆ เราเป็นไบโพลาร์หรือเปล่า’ ซึ่งคำตอบคือข้อมูลแค่นี้มันยังบอกไม่ได้ จริงๆ แล้วต้องใช้เวลาในการสำรวจอาการตัวเองนานมากๆ มองเป็นกราฟภาพรวมอารมณ์ความรู้สึกของเราในระยะยาว
มนุษย์ทุกคนมีอารมณ์โกรธ เศร้า เหงา เบื่อ เป็นปกติอยู่แล้ว แต่ถ้าเราเริ่มรู้สึกว่าอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะขึ้นหรือลง มันเปลี่ยนจนกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน มัน impact หลายๆอย่าง อยู่เหนือการควบคุมของเรา นั่นแหละอาจถึงเวลาที่ควรพบหมอ
ถ้าอย่างนั้น เราจะมีวิธีดูแลสุขภาพจิตและควบคุมอารมณ์ตัวเองยังไงดี
นี่คือคำถามที่ยากมากแต่เอาเป็นว่าแกนหลักของการดูแลสุขภาพจิตในความคิดเราก็คือ ไม่ว่าจะเป็นหรือไม่เป็นโรค เราทุกคนควรจะเอาชนะอารมณ์ที่ไม่คงที่ของตัวเองให้ได้ เพื่อที่จะไม่เพิ่มภาระให้ตัวเอง ไม่สร้างภาระให้คนใกล้ตัว และไม่สร้างพลังงานด้านลบให้กับสังคมที่เราอยู่
คนอ่านอาจจะคิดว่าเรามีสิทธิอะไรมาตอบคำถามนี้ เพราะเราเองก็ยังกินยาทุกคืน แต่ประเด็นคือที่เราอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ก็หมายความว่าเรารู้วิธีจัดการกับมันประมาณนึงนะ ถ้าทุกคนดูแลตัวเองอย่างเต็มที่แล้ว บรรยากาศรอบข้างจะดีเอง และที่เหลือก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากอะไร
สิ่งสำคัญที่ทำให้ทั้งโน้ตและฝนไม่ยอมแพ้ต่อโรคไบโพลาร์คืออะไร
เราเชื่อว่าแต่ละคนคงมีเหตุผลในการต่อสู้ไม่เหมือนกัน แต่โดยพื้นฐานแล้วเราสองคนมีนิสัยชอบเอาชนะ เราเลยมองว่าโรคนี้เป็นความท้าทายที่เลี่ยงไม่ได้ซึ่งเราต้องจับให้อยู่มือ แม้ว่าเราจะต้องเสียอะไรไปมากมายระหว่างทางก็ตาม
ไม่สำคัญว่าจะเป็นไบโพลาร์หรือเปล่า สิ่งสำคัญคือทั้งโน้ตและฝนพยายามจะสื่อสารแทนทุกคนที่เผชิญกับอาการนี้ให้ทุกคนในสังคมเข้าใจ พร้อมทั้งเป็นพื้นที่แบ่งปันเรื่องราวให้เราหันมาสังเกตจิตใจตัวเองกันมากขึ้น ลองอ่านเรื่องราวที่จะทำให้เราเข้าใจอารมณ์ตัวเองมากขึ้น และแวะไปพูดคุยกับโน้ตและฝนได้ที่เพจ moodytwenties นะ
COCO Q&A: คอลัมน์สนทนากับบุคคลน่าสนใจที่คนกรุงเทพฯ ควรรู้จัก มาเปิดมุมมองและสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิตไปกับเรา
มีใครน่าสนใจหรืออยากให้สัมภาษณ์ใคร ส่งมาบอกเราได้ที่ [email protected]
You may be interested
คุณครูอวดของขวัญชิ้นประทับใจจากลูกศิษย์ตัวน้อยผู้ไม่มีอะไรจะให้..แต่ก็หามาให้จนได้
Sapparot - Dec 26, 2018คุณครูชั้นประถมในสหรัฐฯ อวดของขวัญชิ้นโดนใจที่ได้รับในช่วงเทศกาลแห่งความสุขจากลูกศิษย์ตัวน้อยที่แม้ตัวเองจะไม่มีอะไรก็ยังตั้งใจสรรหาของขวัญมาให้คุณครูจนได้ ถึงจะเป็นแค่มาร์ชเมลโลว์จากซีเรียลอาหารเช้าธรรมดา ๆ แต่เพราะว่ามีความตั้งใจของหนูอยู่เต็มเปี่ยมในนั้น มันเลยพิเศษที่สุดเลย
10 รูปยอดไลค์สูงสุดใน Instagram 2018
Sapparot - Dec 25, 201810 รูปยอดไลค์สูงสุดจาก Instagram ปี 2018 รวมแล้วมาจากคนดังระดับโลกเพียง 5 คนเท่านั้น โดยมีหนูน้อย Stromi ลูกสาว Kylie Jenner เรียกยอดไลค์กดหัวใจให้คุณแม่ได้อย่างดีเชียว
อาทิตย์และดวงจันทร์ Rose Céleste เครื่องประดับน่ารักจาก Dior
Sapparot - Dec 24, 2018Dior เผยโฉมแอคเซสซอรี่ชิ้นใหม่ Rose Céleste จี้กลมรูปพระอาทิตย์-พระจันทร์ งานแฮนด์เมดสุดปราณีตจากทองคำและเปลือกหอยมุก