HOTSPOT: อิ่มอบอุ่นในบ้านลูกหมูตัวที่ 3 “The Third Pig”

ยังจำนิทานเรื่องของเจ้าหมู 3 ตัวกับหมาป่าใจร้ายกันได้รึเปล่า แล้วยังจำได้มั้ยว่าสุดท้ายเจ้าหมูตัวไหนที่สามารถต่อกรกับหมาป่าได้ ที่ต้องถามก็เพราะวันนี้เราจะมาซ่อนตัวและฝากท้องกันที่ “The Third Pig” บ้านของเจ้าหมูตัวสุดท้องที่ฉลาดสุขุมกว่าใคร เพราะรู้จักสร้างบ้านด้วยอิฐแข็งแรงป้องกันหมาป่าได้ยังไงล่ะ
 

 
เริ่มเรื่องย้อนไปเมื่อ 4 เดือนก่อน กลุ่มเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่ล้วนแต่เกิดในปีหมู และก็ชอบไปแฮงค์เอาท์ด้วยกัน ได้ลองปรึกษาหารือกันว่าอยากเปิดร้านขึ้นมาสักร้านนึงเป็นของตัวเอง จากนั้นจึงรวมตัวช่วยกันคิดและสร้างสตอรี่เกิดเป็นร้านนั่งเล่นสุดเก๋กลางกรุงภายใต้บรรยากาศอบอุ่น ในคอนเซปต์หมูตัวที่สามจากนิทานเรื่องหมูสามตัว
 
“ด้วยความที่เราเบื่อสไตล์ Loft แล้ว เลยมาลงตัวที่อิฐ แล้วก็คิดต่อไปว่าอิฐมันก็ให้ความรู้สึกแบบชนบทๆ ฟาร์ม ก็พยายามโยงเรื่องกันจนมานึกถึงนิทานเรื่องลูกหมูสามตัว ซึ่งลูกหมูตัวที่สาม แข็งแรงที่สุด ฉลาดที่สุด มีการวางแผน ความหมายก็ดี ก็มาจบลงที่ The Third Pig แล้วด้วยความบังเอิญที่ว่าหุ้นส่วนร้านส่วนใหญ่เกิดปีหมูกันเกินครึ่งนึง เลยคิดว่าเออ มันโอเคเลยล่ะ”
 

 จากนั้นเพื่อนทุกคนก็ต่างใช้ความรู้ความถนัดเฉพาะตัวมาร่วมสร้างร้านในฝันให้เกิดขึ้นจริง โดยแต่ละคนก็ปลีกเวลามาช่วยกันดูแลร้านสลับหมุนเวียนกันไป
 
“ด้วยความที่หุ้นส่วนเยอะ เราก็เลยมีคนแทบจะทุกสายงานเลย ทั้งอินทีเรีย, รับตกแต่งภายใน พนักงานแบงค์ มาร์เก็ตติ้ง, เปิดร้านอาหาร ค่อนข้างจะครบในแต่ละส่วน มันเลยง่ายขึ้น อย่างบาร์เทนเดอร์ก็เป็นเพื่อนกัน ตอนแรกเค้าก็ทำออฟฟิศเนี่ยละ แต่พอไปเรียนต่อที่อังกฤษก็ไปทำบาร์เทนเดอร์ด้วย กลับมาก็ยังชอบเลยมาเปิดบริษัทค็อกเทลของตัวเอง ออกตามงาน”
 
ทางร้านบอกกับเราว่า จริงๆ แล้ว The Third Pig เน้นในเรื่องของค็อกเทลมากที่สุด เพราะคอนเซปต์ของที่นี่คือ Cocktail & Bar & Restaurant โดยความพิเศษอีกอย่างหนึ่งในวันที่ร้านไม่ค่อยยุ่ง จะมีบริการเสิร์ฟค็อกเทลเฉพาะตัวให้แก่ลูกค้า โดยสามารถระบุกับบาร์เทนเดอร์ได้เลยว่าชอบรสชาติแบบไหน เบสด้วยอะไร เหล้าแบบไหน หรือถ้าไม่รู้บาร์เทนเดอร์ก็จะจับเอาบุคลิกและอารมณ์ของลูกค้ามาสร้างสรรค์เป็นเครื่องดื่มเฉพาะตัว
 

ส่วนค็อกเทลที่ต้องนำเสนอ Cocktail Pignature มีด้วยกันทั้งหมด 5 ตัว แต่ละแก้วล้วนมีคอนเซปต์และสไตล์เป็นของตัวเอง อย่าง Huff & Puff (260 บาท) ตัวแทนของหมูตัวที่หนึ่ง เสิร์ฟในแก้วไวน์ ข้างบนปิดด้วยข้าวเกรียบว่าว แต่ก่อนจะปิดเราจะอัดควัน smoke เข้าไปด้วย แทนด้วยควันฟาง ควันไม้ ของบ้านหมูตัวที่หนึ่งซึ่งสร้างด้วยฟาง วิธีทานก็คือทานข้าวเกรียบว่าวให้เรียบร้อย รอให้ควันในแก้วหายไป แล้วค่อยจิบ คอนยัคเป็นเบส เพิ่ม texture ด้วยเยลลี่ไวน์

Brick house cobbler

Brick house cobbler (260 บาท) ตัวแทนของหมูตัวที่สาม เป็นแก้วเดียวของคอกเทลที่ใช้หลอดเป็นเหล็กอะลูมิเนียม ภายนอกดูแข็งแกร่งทนทาน แต่รสชาติภายในนุ่มนวล สุขุม ด้วยช็อกโกแลตลิเคีย กับตระกูลเบอรี่ ทั้ง แบล๊กเคอร์แรนท์ แครนเบอรี่บิทเตอร์ พอร์ทไวน์ ผสมผสานกับวอดก้า ท็อปด้วยคิทแคท เชอร์รี่ และมิ้นท์ ก่อนโรยปิดท้ายด้วยไอซิ่ง
 

สลัดซีซาร์แกงเขียวหวานกับไก่กรอบ

“ส่วนของอาหารเนี่ย เราให้โจทย์เชฟไปว่า เราอยากได้เมนูที่เป็นธีมเดียวกันกับร้านคือคอนเซปต์บ้านหมู บรรยากาศฟาร์มนิดๆ ในบ้านมีเตาผิงอันใหญ่ มีหม้ออาหารที่สุดท้ายใช้ปราบหมาป่า แล้วมันก็ไปเชื่อมกับความเป็นชนบท ตอนเช้ามีคุณแม่ลงมาทำอาหารเป็นหม้อใหญ่ๆ ไว้ เราเลยจะมีหม้อหลักเป็นพะโล้ มีไข่พะโล้ เนื้อหมู หมูสามชั้น”
 
จากหม้อหลักหม้อนั้น ทางร้านก็แยกออกมาเป็นเมนูต่างๆ เช่น รังไข่พะโล้ทองคำ (120 บาท) ห่อไข่พะโล้ด้วยหมูเด้งชุบเกล็ดขนมปัง รองด้วยหมี่กรอบกับคะน้าทอดกรอบและซอสทำเอง หมูพะโล้แดดเดียวทอดกับข้าวเหนียว (180 บาท) หมูจากหม้อที่เคี่ยวมานาน 3-4 ชั่วโมง จนพะโล้ซึมเข้าเนื้อ นำมาทอดกินแกล้มกับข้าวเหนียว
 

หมูพะโล้แดดเดียวทอดกับข้าวเหนียว
 

พอจบหนึ่งหม้อหลัก เมนูอื่นๆ ก็ใช้ความเป็นอาหารฝรั่งนำ แล้วเสริมรสชาติความเป็นไทยเสริมเข้าไป อย่างเช่น หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ซอสแกงส้มไวน์ขาวมารินาร่า (260 บาท) เฟรนช์ฟรายไข่เค็มกับซอสมะเขือเทศมารินาร่าและมายองเนสกระเทียม (120 บาท) เฟรนช์ฟรายชุบแป้งไข่เค็มเพิ่มความมัน แล้วนำมาทอดให้เหลืองกรอบน่าทาน หรือคนรักผักก็สามารถเลือกชิมสลัดซีซาร์แกงเขียวหวานกับไก่กรอบ (170 บาท) ท็อปด้วยไก่กรอบ น้ำมันซอสแกงเขียวหวาน มีความเผ็ดฉุนแบบไทยๆ
 

หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ซอสแกงส้มไวน์ขาวมารินาร่า

“ที่สำคัญนอกจากอาหารและเครื่องดื่มแล้ว เราอยากให้ความเป็นกันเอง ผ่อนคลาย เสียงดังเฮฮาได้ คุยกับเจ้าของร้านได้ทุกคน คุยเรื่องแอลกอฮอล์กับบาร์เทนเดอร์ก็ได้ หรืออยากจัดงานปาร์ตี้ คืออยากได้อะไรขอให้บอก ถ้าทำได้เราก็ทำให้ทุกอย่างเพื่อให้ลูกค้าแฮปปี้ที่สุด
 

ขั้นตอนอบควันของแก้ว Huff & Puff
 

ถ้าหากเย็นนี้ยังว่าง และยังไม่รู้จะไปหาที่ซ่อนตัวจากเจ้าหมาป่าที่ไหน ลองแวะมาที่บ้านเจ้าหมูตัวสุดท้องนี่สิ อบอุ่น เป็นกันเอง เหมือนมาบ้านเพื่อนอะไรทำนองนั้นเลย

 
FIND IT:
The Third Pig
ปากซอยพหลโยธิน 20
17.30-00.00 น. ปิดวันอาทิตย์
Tel. 098-965-4356 
 

ภาพ: สุภิญญา นาคมงคล
 

Hot Spot: พาไปบุกร้านอาหารและคาเฟ่เปิดใหม่ทั่วกรุงเทพฯ ก่อนใคร อร่อยหรือไม่จะมารีวิวให้รู้กัน
มีร้านไหนเปิดใหม่ไม่เกิน 6 เดือน แวะมาบอกเราได้ที่ [email protected]