Hotspot: เปิดสัมผัสตำรับอาหารไทยแบบ Slow Cooking ที่ Simmer By Praha

สถาปนิกหนุ่มกับงานครัวหน้าเตาอาจดูไม่เข้ากันเท่าไหร่นัก แต่สำหรับ “ปราค-ปราคาร ฉันทนโพธิ์กุล” กลับตัดสินใจใช้ชีวิตหลังจบการศึกษาจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยการจับตะหลิวเข้าครัวเป็นเชฟใหญ่ในฐานะเจ้าของร้าน Simmer By Praha (ซิมเมอร์ บาย ปราค) ร่วมกับ “ป้าติ่ง ทอรุ้ง จรุงกิจอนันต์” เจ้าของสำนักพิมพ์ตำราอาหารเพกาพับลิชชิ่ง ที่ช่วยกันเสกสรรอาหารรสเลิศและลึกกว่าที่เคยลองลิ้มชิมรสมา

“เริ่มต้นจากปราคเค้าอยากเปิดร้านอาหาร จบอินทีเรียมาแต่อยากทำอาหารมากกว่า ซึ่งตัวเราได้มาทำงานตึกนี้ เจอห้องที่ว่างอยู่พอดี เราก็เลยลองถามปราคว่า อยากลองเปิดร้านอาหารดูมั้ย ด้วยความที่เราเองก็เป็นคนเขียนหนังสือตำรากับข้าว เราชิมฝีมือเค้ามาตลอดก็รู้ว่าเค้าสามารถทำได้ดีเกินอายุ แล้วตึกนี้เป็นออฟฟิศเราก็มองแล้วว่าช่วงเที่ยงพักกลางวันมันต้องมีลูกค้าเข้ามาทานแน่นอน คิดกันแค่นี้ล่ะ แล้วก็ลงมือทำกันทันที”

อาหารของที่นี่จึงเหมือนเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างสมัยเก่าและสมัยใหม่ มีอาหารไทยรสจัดจ้าน เข้มข้น ด้วยการคิดดัดแปลงสูตรเล็กๆ น้อยๆ ของป้าติ่ง ควบคู่ไปกับอาหารฝรั่งฟิวชั่นที่คุณปราคได้ไปร่ำเรียนมา
 

 
“ตอนแรกไม่ได้คิดว่าตัวเองชอบทำอาหารเลยครับ แต่ว่าทำทุกวัน เพราะผมเป็นคนชอบอยู่บ้าน ก็เลยจะทำอาหารทานเอง จนวันหนึ่งก็ทำให้คนอื่นทานด้วย แล้วพอได้มีโอกาสได้ไปทำอาหารที่บ้านเพื่อน บ้านคุณป้าติ่ง ก็เลยเรียนรู้สูตรอาหารต่างๆ พอเรียนจบก็เลยตัดสินใจไปเรียนทำอาหารต่อเลยที่โอเรียนเต็ล คอร์ส 1 ปี มีฝึกงาน ออกอาหารให้ลูกค้าตามร้านจริงๆ ได้เรียนรู้วิธีการทำอาหารทั้งฝรั่งและไทย” ปราคกล่าว

คุณป้าติ่งเล่าเรื่องราวเสริมให้เราฟังต่อว่า เสน่ห์ปลายจวักของปราคนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ส่งทอดรุ่นสู่รุ่น จากต้นตระกูลครอบครัวชาวแปดริ้ว เมืองฉะเชิงเทรา แขกไปใครมาจะต้องเรียกหาคนบ้านนี้มากับกับข้าวคาวหวานให้ ส่วนงานประกวดประจำจังหวัดก็ไม่พลาดรางวัล การันตีว่าตระกูลนี้จะหญิงหรือชายทำก็มีฝีมือในการปรุงอาหารทุกคน
 

 
แต่ถึงอย่างนั้น อีกสิ่งที่ปราคทำได้ดีไม่แพ้งานครัวคืองานสถาปัตย์ที่เค้ารัก ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้ใช้ประกอบอาชีพอย่างเต็มตัว  แต่ปราคก็ได้นำวิชาความรู้มาออกแบบร้านนี้ให้ดูน่านั่ง อบอุ่นและเรียบง่าย สไตล์ลอฟต์ ผนังปูนเปลือยดูไม่อึดอัด ส่วนครัวใช้เป็นกระจกใสให้มองเห็นความสนุกสนานหลังครัว พร้อมโชว์ฝีมืองานไม้ด้วยการทำโต๊ะเอง นับตั้งแต่การย้อมไม้ เลื่อยไม้ และประกอบไม้

“ตั้งแต่อาหารที่เราวางคอนเซปต์ตามชื่อร้าน Simmer มันทำให้นึกถึงร้านข้าวแกงหม้อๆ ซึ่งลักษณะของพื้นที่ที่เป็นแบบแคบยาว ผมเลยนึกถึงตรอก แต่คิดเป็นแบบนามธรรมแทนมันจะได้สวย แล้วก็แฝงเรื่องราวของคนรู้จัก เช่น การตกแต่งด้วยรูปภาพจากคนนั้นคนนี้รวมกันเป็นเรื่องราวของคนในตรอก เพราะเราอยากให้คนเข้ามาแล้วรู้สึกอบอุ่นเฟรนด์ลี่ เหมือนเราอยู่ซอยเดียวกัน เราว่างก็แวะมากินข้าวด้วยกัน มีโต๊ะกินข้าวตั้งอยู่ หน้าบ้าน พอมีอาหารใหม่ๆ ก็มาช่วยกันชิม”
  

ปลากะพงซอสกระเทียม

 
ที่สำคัญคือหัวใจหลักของร้าน คำว่า Simmer ที่แปลว่าการตุ๋นหรือเคี่ยวอาหาร เลยทำให้ทั้งสองคนตัดสินใจเลือกอาหารแบบ Slow Cook มาเสิร์ฟลูกค้า เพื่อช่วยผ่อนแรง ผ่อนเวลาในการประกอบอาหาร สามารถควบคุมรสชาติและคุณภาพอาหารให้เอร็ดอร่อยคงเดิม

“ร้านเราต้องเป็นอาหารที่เสิร์ฟเร็ว ถ้ามัวแต่ปรุงสดในร้านอาหารจะช้า เราเลยจะเน้นอาหารที่ Slow cook ซึ่งง่ายที่จะควบคุมรสชาติให้คงเดิมทุกอย่าง เพราะมาเป็นหม้อใหญ่ๆ ทีนี้เดิมเราไม่ได้คิดจะทำอาหารไทยกันหรอก ปราคอยากทำอาหารฝรั่ง แต่มีเพื่อนคนนึงที่เค้าทำร้านอาหาร เค้าบอกว่าร้านอาหารในออฟฟิศ ถ้าไม่มีอาหารไทย จบแน่นอน ไม่มีอนาคตเลย ซึ่งจริง พอเรามาเปิดร้านจริงๆ ก็คัดเมนูอาหารกันนานมาก เพราะมีเมนูอยู่ในมือเยอะมาก บางอย่างก็ไม่เหมาะจะขาย”
 

เมนูถูกปาก ราคาถูกใจ
 

นับตั้งแต่เปิดร้านมาได้เกือบ 3 เดือน ทั้งป้าติ่งและปราค ค่อนข้างพอใจในผลตอบรับ และดีใจที่หลายคนได้มีโอกาสแวะเวียนมาชิม เพราะอาหารทุกจานที่ออกเสิร์ฟเต็มไปด้วยความเอาใจใส่ และตั้งใจให้ลูกค้าได้ทานของอร่อยและดีที่สุด

“ความพิเศษของที่นี่คือเครื่องแกงเราตำเอง ซึ่งแน่นอนว่าอร่อยกว่าพริกแกงสำเร็จรูปแล้วก็มีกลิ่นหอมด้วย เราตั้งใจว่าจะตำเครื่องแกงเอง ตอนนี้ก็ยังตำทุกวัน อีกอย่างคือวัตถุดิบที่ใช้ เราก็ปลูกเองด้วยเพื่อที่ลูกค้าจะได้ทานของดีจริงๆ”
 

ส้มฉุน เมนูของหวานหาทานยาก

 
“พอผมได้มาทำอาหารไทยเอง มุมมองเราก็เปลี่ยน เริ่มอยากปลูกผักสวนครัวเองเลยลองไปปลูกเองที่บ้านปากช่อง เพราะรู้ว่าที่เรากิน กลิ่นมันไม่ถึงเลย มันต้องใช้ของดี ตำเองตำเดี๋ยวนั้น มันจะรู้ว่าอันนี้ขาดอะไร ส่วนผสมไหนยังไม่ถึง เราก็เริ่มเรียนรู้ไปทีละนิด ตอนนี้ก็เลยจะให้คนดูแลช่วยปลูกช่วยตัดมาใช้ที่ร้าน ซึ่งจริงๆ ผักที่มาจากปากช่องจะใช้ได้แค่ครึ่งอาทิตย์ ที่เหลือก็ต้องซื้อเพิ่ม แต่เราก็จะคัดวัตถุดิบเกรดดีเท่านั้น” ปราคเสริม

บอกกล่าวถึงความพิถีพิถันในก้นครัวไปจนหมดสิ้น ก็ถึงเวลามาพิสูจน์ เริ่มจากเมนูแรกที่ทั้งสองป้าหลานภูมิใจนำเสนอ “แกงกะทิรัญจวน” (135 บาท) แกงถ้วยนี้รับประกันว่าไม่เคยมีใครได้ทานถ้าไม่มาร้านนี้ เพราะต้นฉบับคือแกงรัญจวน น้ำซุปจากหมูตุ๋นเคี่ยวจนเปื่อย ปรุงรสให้จัดแบบเครื่องต้มยำ ชูรสด้วยกะปิเล็กน้อย โรยโหระพา แต่ที่นี่นั้นจะเพิ่มหางกะทิลงไปเล็กน้อย เสริมรสให้อร่อยขึ้น ทานกับข้าวสวยร้อนๆ ถูกปากคนชอบอาหารรสจัด
 

แกงกะทิรัญจวน
 

ส่วนอีกสองจานที่ทางร้านขอนำเสนอเมนูใหม่ “ปลากะพงซอสกระเทียม” (180 บาท) เนื้อปลากะพงชิ้นพออิ่ม รองด้วยใบโหระพากลิ่นหอม ราดด้วยน้ำซอสกระเทียม-ขลุกขลิก และ “แซลมอนซอสมะม่วง” (245 บาท) ปลาแซลมอนเนื้อสุกหั่นเต๋าคำโต ราดด้วยน้ำยำรสกลมกล่อมหอมกลิ่นกะปินิดๆ ทานเคล้าตะไคร้ซอย หอมแดง ผักชี ใบมะกรูด เป็นอาหารฟิวชั่นที่เข้ากันสุดๆ จนต้องยกนิ้วให้  

เมื่อทานของคาวเสร็จแล้วของหวานก็ตามมาติดๆ ถ้วยแรก ฟังชื่อแล้วไม่คุ้นเคย “ส้มฉุน” (60 บาท) ของหวานโบราณในกาพย์เห่เรือชมเครื่องคาวหวาน มีเนื้อลิ้นจี่ ส้ม ผิวมะกรูดแช่อิ่ม โรยหน้าด้วยขิงอ่อนซอยและหอมเจียว ตักเข้าปากแล้วเย็นชื่นใจ ก่อนตบท้ายด้วย “ข้าวเหนียวปลาแห้งแม่ยายปก” (80 บาท) ด้วยสูตรเด็ดเคล็ดลับการทำปลาแห้งที่ต้องใช้ปลาช่อนเนื้อดี นำมานึ่งแล้วแกะเอาแต่เนืิ้อ คั่วให้แห้ง นำมาปั่น และนำไปคั่วแห้งอีกรอบ เพราะฉะนั้ัน ถ้ามาถึงร้านแล้วไม่ได้ชิม ถือว่ายังมาไม่ถึงร้าน
 

ข้าวเหนียวปลาแห้งแม่ยายปก

 
หลังจากที่ชิมไปจนครบทุกจาน เราเชื่อจริงๆ แล้วว่า รสชาติที่สำคัญมากไปกว่า เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม คือความลึกอย่างที่ป้าติ่งได้บอกกับเรา ซึ่งถึงแม้อาจจะยังไม่เข้าใจความลึกในอาหารดีนัก แต่ทุกรสชาติที่ผ่านลิ้นเข้าไป ไม่มีคำไหนที่เราไม่ประทับใจ และหากใครโหยหารสชาติแบบเดียวกันนี้ “Simmer By Praha” คือตัวเลือกที่เราแนะนำแบบไม่ต้องคิด!

FIND IT:
Simmer By Praha 
ชั้น G อาคารสินธร ถนนวิทยุ ปทุมวัน 
11.00 – 17.00 น. 
Tel. 062-471-9968
 

Hot Spot: พาไปชิมร้านอาหารและคาเฟ่เปิดใหม่ทั่วกรุงเทพฯ ก่อนใคร อร่อยหรือไม่จะมารีวิวกันจริงๆ
มีร้านไหนเปิดใหม่ไม่เกิน 6 เดือน แวะมาบอกเราได้ที่ [email protected]