ออกลีลาสเต็ปเท้าตามจังหวะสวิงแจ๊ซไปกับกลุ่ม Bangkok Swing

วันเสาร์ที่ 19 กันยายนนี้แล้วสำหรับงานเต้นสวิงแดนซ์ครั้งแรกของเมืองไทย “Diga Diga Doo – A Roarin’ Night Out” ค่ำคืนพิเศษที่หนุ่มสาวจะได้แต่งกายในชุดวินเทจ แล้วเต้นรำไปบนฟลอร์ไม้ในห้องโอ่โถงของเซี่ยงไฮ้แมนชั่น บูติกโฮเทลแห่งเดียวบนถนนเยาวราช

แต่ก่อนที่จะไปค้นชุดในตู้เสื้อผ้าและฝึกลีลาสเต็ปเท้า เราน่าจะมาทำความรู้จักก่อนว่าสวิงแดนซ์มีที่มาที่ไปอย่างไร ผ่านการพูคคุยกับกลุ่่ม Bangkok Swing ที่รวมคนหลากเชื้อชาติหลายอาชีพ แต่หลงใหลในเสน่ห์ของการเต้นสวิงเหมือนกัน มาไขข้อข้องใจและให้พวกเขาชวนมาร่วมงานนี้ด้วยตัวเอง
 

จุดเริ่มต้นของสวิงมิวสิคต้องย้อนกลับไปที่อเมริกาในช่วงปี 1920-1930 นักดนตรีแต่ละประเภทรวมตัวกันเป็นวงดนตรีสวิงขนาดใหญ่ (Big Band) ด้วยจังหวะสวิงที่สนุกสนานทำให้ผู้คนเริ่มออกมาจับคู่เต้นรำผลัดเปลี่ยนคู่เต้นไปทั้งคืนแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อน

ดนตรีก็เหมือนแฟชั่นที่กลับมาฮิตได้ใหม่ไม่รู้เบื่อ และโอ๊ต-ชยะพงส์ นะวิโรจน์คือคนแรกที่บุกเบิกการเต้นสวิงในไทยหลังจากเขาได้ไปเห็นมาที่อเมริกาและคิดว่าเมืองไทยน่าจะมีบรรยากาศสนุกๆ แบบนั้นบ้าง เลยพยายามเปิดสถานที่สอนเต้นสวิงแดนซ์จนเกิดเป็น The Hop จากแรกที่มีกันแค่ 4-5 คนก็เริ่มบอกกันปากต่อปาก จนตอนนี้มีคนมาร่วมเต้นกันคืนหนึ่งเกือบร้อยคน

“Bangkok Swing คือกลุ่มคนที่มารวมตัวกันเพราะอยากเต้น เป็น street dance culture อย่างหนึ่ง” โน้ต-มาลียา โชติสกุลรัตน์ ลูกศิษย์หัดเต้นสวิงแดนซ์คนแรกของโอ๊ตบอกเราพร้อมยิ้มกว้าง “โน้ตไปเห็นมาจากที่อังกฤษ เราเป็นคนชอบแฟชั่นวินเทจอยู่แล้วก็ชอบไปเดินตามวินเทจเฟสติวัล พบว่าเทรนด์นึงที่กำลังมาในตอนนั้นคือทุกๆ เฟสติวัลจะมีลานเต้นรำและวงดนตรีมาเล่น เราก็รู้สึกว่ามันถูกใจเราจังเลย ทุกคนยิ้มแย้มกระโดดโลดเต้น เราอยากเต้นได้แบบนั้นบ้าง พอดีกลับมาเจอพี่โอ๊ตก็เลยคุยกันว่าเราควรสร้างบรรยากาศแบบนั้นที่เมืองไทยขึ้นมา”
 

แน่นอนว่าการจับคู่เต้นรำในจังหวะสวิงแจ๊ซไม่ใช่เรื่องคุ้นเคยของคนไทย ในช่วงแรกเลยเป็นชาวต่างชาติที่คุ้นชินเพลงสไตล์นี้และการจับไม้จับมือมาเต้นร่วมกับกลุุ่ม Bangkok Swing มากกว่า คนไทยที่เข้ามาช่วงแรกๆ ก็จะเป็นคนที่เข้าใจวัฒนธรรมต่างชาติและไม่ค่อยกลัวฝรั่ง แต่ถ้ามาดูกันหลังผ่านไป 4 ปี โน้ตบอกว่าตอนนี้จำนวนคนไทยมีมากกว่าชาวต่างชาติแล้ว

“จริงๆ คนไทยชอบคิดว่าไม่เคยฟังเพลงสวิง แต่รับรองว่าเคยฟังทุกคน เพราะเพลงพระราชนิพนธ์ของในหลวงเป็นเพลงสวิงหมดเลย ในหลวงเป็นที่รู้จักในเมืองนอกว่าเป็น ‘The King of Swing’ เพราะงั้นคนไทยคุ้นแต่แค่ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าสวิงแจ๊ซ”

ตัดปัญหาเรื่องเพลงไปได้หนึ่งอย่าง แต่ถ้าใครที่ทักษะการเต้นเท่ากับศูนย์จะเต้นสวิงแดนซ์ได้สนุกหรือเปล่า? โน้ตตอบเราว่าสวิงแดนซ์ก็คือการเต้นสตรีทอย่างหนึ่งที่มีแค่ 2-3 สเต็ปเป็นแบบแผน แต่นอกนั้นก็กระโดดโลดเต้นมั่วได้ตามใจชอบ

“มันเป็นการ Lead and Follow ของผู้ชายและผู้หญิง เตี๊ยมกันแค่นาทีเดียว เรารู้สึกอะไรตามเพลงก็นำให้ผู้หญิงเต้นตาม ผสมผสานกับการ improvise ตามฟีลลิ่งของเพลง จะมีท่าเซ็ตนึงที่สามารถเรียนและเอามาใช้เต้นได้ทั้งคืน” โอ๊ตเล่าว่าในงาน Diga Diga Doo ที่จะจัดขึ้นก็ตั้งใจให้ครึ่งหนึ่งเป็นคนที่เต้นไม่เป็นเลยได้ลองเข้ามา โดยจะมีคลาสสอนเต้นฟรีก่อนเริ่มงาน “เราอยากเผยแพร่ความสุขของการเต้นสวิงให้คนไทยได้รู้จักมากขึ้น”

เราเชื่อว่าการเต้นรำไปตามจังหวะเพลงยังไงก็สนุกและปลุกความร่าเริงให้ทุกคนอยู่แล้ว แต่โน้ตบอกว่าความสุขที่ได้จับคู่เต้นกับคนแปลกหน้าที่หลงใหลอะไรคล้ายๆ กันอย่างสวิงแดนซ์ให้มากกว่านั้น

“ลองคิดภาพว่าเรียนจบไป จะมีที่ไหนบนโลกที่อยู่ดีๆ เราจะลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้น หัวเราะร่าเริงกับคนอื่น เป็นตัวของตัวเองและสนุกได้เต็มที่โดยไม่ต้องเก๊กทำตัวเท่ บรรยากาศแบบนี้มันปลอดภัย เรารู้สึกสนุกเหมือนได้อยู่กับเพื่อนๆ เกิดเป็นสายสัมพันธ์ที่แน่นหนา”

สำหรับกลุ่ม Bangkok Swing พวกเขามางานปาร์ตี้เต้นรำแต่ละครั้งไม่ได้แค่เพราะอยากเต้น อยากสนุก แต่มาเพราะจะได้เจอเพื่อนและผู้คนใหม่ๆ แล้วเอาพลังด้านบวกที่ได้กลับไปรีชาร์จเข้าในหน้าที่การงานของตัวเอง

“ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกก็ควรมีบรรยากาศที่เป็นมิตร ทุกคนมาแล้วยิ้มแย้มร่วมกันและไม่คิดถึงเรื่องอื่น การได้เจอเพื่อน ได้เจอผู้คนที่คิดบวกหมด อยู่แล้วก็สบายใจ อยากวิ่งเข้าไปกระโดดกับเขา อยากวิ่งเข้าไปสนุกกับเขา” คำตอบของหญิงสาวหน้าหมวยฉายแววความสุขเต็มที่

ไม่ต่างจากยง จิ คิม ศิลปินและนักเต้นสวิงชาวเกาหลีใต้ หนึ่งในสมาชิกกลุ่มที่เล่าให้เราฟังว่าคอมมูนิตี้สวิงแดนซ์ที่เกาหลีก็ใหญ่ไม่แพ้ประเทศฝั่งตะวันตก

“คนเกาหลีทำงานหนักมาก เลยต้องมองหางานอดิเรกที่จะเติมเต็มความสุข การเต้นสวิงเป็นหนึ่งในนั้น ที่โซล เรามีบาร์ที่เปิดเฉพาะเพลงสวิงอย่างเดียวอย่างน้อย 10 แห่ง ก็กลายเป็นวัฒนธรรมว่ามาดื่มกาแฟกันในบาร์ ถ่ายรูป แล้วก็มาเต้นกัน คนที่มาเจอกันก็เป็นเหมือนเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย เพราะคุณไม่สามารถเจอคนแบบนี้ มีความสัมพันธ์แบบนี้ได้ในโลกการทำงานจริง” ยง จิ เล่าให้เราฟังด้วยรอยยิ้ม

มาพูดถึงงาน Diga Diga Doo กันบ้าง งานนี้จริงๆ แล้วไม่ใช่งานแรกที่กลุ่ม Bangkok Swing จัดขึ้นเพราะพวกเขาเคยจัดการเต้นสวิงเล็กๆ กันเองที่ถนนพระอาทิตย์ หรืองานล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็รวมกลุ่มเต้นสวิงแดนซ์กันที่ลานหน้าพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม และน่าดีใจที่ฟีดแบ็กของคนที่มาร่วมงานคือล้วนสนุกไปด้วยกันโดยไม่เคอะเขิน

“จริงๆ จุดประสงค์ที่จัดงานแต่ละครั้งเพราะอยากมีอีเว้นท์สนุกๆ ที่เราจะได้มาเอง แต่พอจัดแล้วก็อยากเผยแพร่ให้คนอื่นมารู้จักสวิงแดนซ์ด้วย งานนี้เป็นครั้งแรกที่เปิดขายบัตรและโปรดักชั่นอลังการ ซึ่งไม่เคยทำมาก่อน แต่เราอยากทำแบบนี้ จะให้คนอื่นจัดก็ไม่ได้เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเอาศิลปินคนไหนมา ก็ทุลักทุเลพอสมควรแต่ก็โอเค” โน้ตบอก

สำหรับรายชื่อศิลปินระดับโลกที่จะมาร่วมโชว์ในวันงาน ไล่ตั้งแต่ The Speakeasies’ Swing Band วงดนตรีสวิงจากกรีซที่จะบินมาแสดงสดที่เมืองไทยเป็นครั้งแรก, Sharon Davis แชมป์เบอร์เลสโลกประจำปี 2013 ที่โน้ตกระซิบบอกว่าเป็นไอดอลของเธอ ซึ่งจะหวนกลับมาจับคู่เต้นกับ Juan Villafane นักเต้นชาวอาร์เจนตินาเป็นครั้งแรกหลังจากที่ทั้งคู่แยกย้ายกันไป นอกจากนี้ยังมีการแสดง Lindy Hop, Tap Dance และปาร์ตี้ Electro Swing ให้ชมตลอดค่ำคืน

โน้ตทิ้งท้ายกับเราว่าคนที่เต้นไม่เป็นเลยจะคุ้มที่สุดกับการมางานนี้ เพราะนี่คือประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเจอ “ความยากของคนไทยคือการก้าวออกจากบ้านมาทำสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่คุ้น แต่เราแค่เอาชนะความกลัว ความไม่แน่ใจออกไป ชีวิตเราควรจะได้ลองอะไรใหม่ๆ เพิ่มพูนทักษะใหม่ๆ ลองแวะมาดูสักทีนึงจะได้รู้ว่ามันใช่หรือไม่ใช่สำหรับเรา”
 

เชิญชวนกันเต็มที่ขนาดนี้ก็ได้เวลาเปิดตู้เสื้อผ้า คว้า suspender กับกางเกงทรงวินเทจมาใส่ ส่วนผู้หญิงอาจเลือกชุดกระโปรงพลิ้วที่เข้าคู่กับหมวกทรงเก๋ ที่สำคัญ เตรียมใจเปิดรับความสนุกที่คนแปลกหน้าจะกระโดดมาจับมือคุณออกมาเต้นด้วยกันตลอดคืน

อย่าแปลกใจถ้าคืนนั้นคุณจะได้เพื่อนใหม่เพิ่มอีกหลายคน และลืมไปเลยว่าเคยเต้นไม่เป็น