หลายคนคุ้นหน้า มอร์-วสุพล เกรียงประภากิจ จากบทบาทนักร้องนำวงดนตรีมาดกวน Ten To Twelve และคนจำนวนไม่น้อยรู้จักเขาในฐานะผู้กำกับโฆษณาและมิวสิควิดีโอที่ปล่อยผลงานออกมาให้เราชมอยู่เรื่อยๆ อย่างเพลง ‘จะเป็นจะตาย’ ซิงเกิ้ลล่าสุดของวงพวกเขา แถมบางทีเรายังแอบเห็นหนุ่มหน้ามึนคนนี้ไปแสดงโฆษณาหรือภาพยนตร์มาด้วย

การกระโดดครั้งล่าสุดของมอร์คือร่วมเป็นหุ้นส่วนกับ ‘Phynn Coworking Space’ ที่ทำงานสำหรับชาวฟรีแลนซ์แห่งใหม่ย่านเหม่งจ๋ายที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤษภาคม จนเราเริ่มสงสัยว่าเขาจัดการงานที่หลากหลายออกมาลงตัวได้ยังไง และสนใจขอให้มอร์ปลีกเวลาปั่นงานฝิ่นของเขามาพูดคุยว่าการเป็นฟรีแลนซ์มืออาชีพนั้นควรทำยังไง

ที่มาที่ไปที่ทำให้เกิดพื้นที่ Phynn Coworking Space แห่งนี้

จริงๆ แล้วทุกอย่างที่เราทำตอนนี้ถือเป็นฟรีแลนซ์ครับ พอเป็นฟรีแลนซ์แล้วบางทีเราก็ขี้เกียจคิดว่าวันนี้เราจะไปเอาตัวรอดที่ร้านกาแฟไหนดี ถ้านั่งเกิน 2-3 ชั่วโมง บางร้านเขาจะเริ่มมองหน้าเรา เราก็คิดว่าไม่ได้อยากกินกาแฟขนาดนั้นนี่หว่า อยากทำงาน อยากได้เน็ตแรงๆ จนมาเจอที่แถวนี้ซึ่งมันอยู่ใกล้ย่านทาวน์อินทาวน์ที่เราทำงาน และเราชอบวิ่ง แถวนี้ก็ใกล้รฟม. สามารถไปวิ่งได้ ทุกอย่างมันตอบโจทย์เราหมดก็เลยร่วมกันหุ้นกับเพื่อน แต่ถ้าจะเช่าออฟฟิศคนเดียวก็คงเหงาไปและเราก็ไม่มีตังค์ เลยอยากแบ่งให้เป็น coworking space ให้ลูกค้ามาช่วยเราแชร์ค่าใช้จ่ายละกัน แถวนี้ก็ยังไม่มีใครเปิด coworking space ด้วย ถ้ามีเราคงมาเป็นสมาชิกเขา คงไม่ทำเอง มันเหนื่อยครับ

Phynn Coworking Space ก็ถือเป็นงานอีกอย่างหนึ่งของเราด้วย

ใช่ครับ ก็ต้องดูแลตอนมีลูกค้า ที่นี่เราพยายามทรีทลูกค้าให้เหมือนเพื่อน เข้ามาแล้วรู้สึกว่าอยากทำอะไรก็ทำได้ เพราะพื้นที่ของเราเป็นไซส์มินิ ก็อยากให้มาเดินเล่นในออฟฟิศของตัวเอง

มีวิธีจัดการงานทั้งหมดของตัวเองยังไงให้ทุกอย่างเสร็จไปด้วยดี

เราว่าต้องเป็นคนมีวินัย คือฟรีแลนซ์อาจจะทำอะไรก็ได้ เริ่มงานกี่โมงก็ได้ แต่จริงๆ เราค่อนข้างมีวินัยกับชีวิตเรามากเหมือนกัน ก่อนนอนเราจะเขียนโน้ตแปะไว้ว่าพรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้าง มีงานอะไรค้างอยู่บ้าง ค่อนข้างละเอียด ต้องออกจากบ้านกี่โมง ตอนนี้ไปวิ่ง ตอนนี้ไปทำงานนี้นะ และมีเช็คลิสต์ไว้ตลอด จะชิลล์มากไม่ได้ไม่งั้นเดี๋ยววินาศสันตะโรไปหมด

หลายคนคิดว่าฟรีแลนซ์งานสบายกว่างานประจำ แต่เรารู้สึกว่าจริงๆ มันก็หนักกว่า แล้วแต่คนนะ ข้อดีคือเราตื่นสายได้ กำหนดเวลาทำงานเองได้ เราไม่ต้องเดินทางไปเจอรถติด แต่ข้อเสียคือเราต้องทำงานตลอดเวลา ห้าทุ่มเราก็ต้องทำงาน เสาร์อาทิตย์เราก็ทำงาน เพราะถ้าไม่ทำงานเราก็ไม่มีกินกันนะครับ

แล้วอาชีพฟรีแลนซ์มีอิสระจริงไหม

สำหรับเราต้องมีกฎเกณฑ์ มีวินัยกว่าการเป็นพนักงานประจำนะ เพราะไม่มีใครเป็นบอสเรา เราเป็นบอสตัวเอง ถ้าเราทำงานพัง ใครเขาจะมาจ้างเราต่อล่ะ เราเลยต้องมีวินัยและต้องทำงานให้อยู่ในคุณภาพที่ดีที่สุดตลอดเวลา แต่สำหรับเรา เราเอ็นจอยที่ไม่ต้องเสียเวลารถติด 2 ชั่วโมง ไม่ต้องเบียดขึ้นรถไฟฟ้ากับคนอื่นตอนเช้า เราก็โอเค

สมัยนี้หลายคนออกจากงานประจำมาเป็นฟรีแลนซ์มากขึ้น คิดว่ามันจะเป็นแค่กระแสของคนยุคนี้หรือเปล่า

เราคิดว่าไม่น่าจะเป็นกระแสนะ ในความคิดเห็นเรา ระบบของโลกก็จะเปลี่ยนไป เหมือนกับว่าจะเข้าสู่โหมดที่บริษัทไม่ใหญ่มากก็จะมีคนแค่ 3-4 คน เจ้าของบริษัท ผู้ดูแลด้านการเงิน บัญชี ที่เหลือก็จ้าง outsource เอา เพราะมันทำให้ได้งานคุณภาพและประหยัดต้นทุนบางอย่างด้วย เราคิดว่าโมเดลมันน่าจะเปลี่ยนไป อย่างงานทางฝั่งโปรดักชั่นก็ชัดเจน แต่ละหน่วยมีความเป็นอาร์ติสท์อยู่ในตัว งานนี้อาจจะเหมาะกับคนนี้ บริษัทเล็กๆ เลยคิดว่าการมีพนักงานประจำให้น้อยที่สุดน่าจะดีกว่า

แล้วเราจะเป็นฟรีแลนซ์มืออาชีพได้อย่างไร

เราไม่ได้จบมาแล้วเป็นฟรีแลนซ์เลย ก็ทำงานประจำเป็นผู้ช่วยผู้กำกับอยู่โปรดักชั่นเฮ้าส์ที่หนึ่งก่อน ซึ่งมันก็จะมีรูทีนการเข้างานที่ไม่เหมือนชาวบ้านเขาอยู่แล้ว

สำหรับเรา ฟรีแลนซ์มี 2 อย่างคือ เคยได้เรียนรู้ระบบบริษัทมาก่อน ก็จะเข้าใจระบบการทำงานของคนทำงานปกติ จะทำให้มีวินัยมากขึ้น หรือสองคือสร้างระบบของตนเองขึ้นมา มีข้อไหนข้อหนึ่งก็จะเป็นฟรีแลนซ์ที่ดีได้ แม้การสร้างระบบของตัวเองอาจใช้เวลาสักระยะหนึ่ง

พูดจริงๆ ฟรีแลนซ์ก็มี 2 ประเภทคืองานเยอะมากและไม่มีงานเลย ต้องลองคิดดูดีๆ งานเยอะมากก็จะเข้ามาไม่หวาดไม่ไหวแล้วเราต้องดูแลสุขภาพตัวเองด้วย แต่ถ้าไม่มีงานเลยก็ต้องเริ่มถามตัวเองว่ามันเป็นเพราะอะไรหรือเปล่า คอนเนคชั่นเราไม่แข็งแรงพอหรือเราทำงานชุ่ยไปวะ

วินัยดูเป็นสกิลที่สำคัญที่สุดของการเป็นฟรีแลนซ์

ใช่ครับ สำหรับเราวินัยสำคัญกว่าพรสวรรค์อีกนะ ไม่มีคนอยากทำงานกับอาร์ติสท์ที่เก่งแต่ว่าคาดเดาอะไรไม่ได้เลยหรอก

เราว่าวินัยเป็นเรื่องฝึกได้ พูดแล้วดูไม่ติสท์เลยนะ แต่มันเริ่มจากเราเขียนว่าพรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้าง แล้วค่อยๆ ทำไปทีละอย่าง ติ๊กออกทีละอย่าง วินัยในที่นี้ไม่ใช่เฉพาะการทำงานอย่างเดียว แต่ยังเป็นเรื่องการออกกำลังกายก็ต้องมีวินัย หรือวินัยในการหาความรู้ใหม่ๆ เข้าใส่ตัว

ตอนนี้ยังมีงานอะไรอื่นๆ ที่อยากทำอีกไหม

จริงๆ แล้วก็คงอยากทำหนังใหญ่มั้งครับ แต่ว่าเดี๋ยวก่อน รอทำสิ่งที่มีอยู่ให้ดีก่อน บอกตัวเองอย่างนี้ จริงๆ แล้วก็มีไปเวิร์คช้อปอะไรบ้าง เอาประสบการณ์ด้านผู้กำกับของเราไปสอนนักศึกษา ก็สนุกดีครับ อันนี้ไม่ถือเป็นงาน ถือว่าไปแชร์ประสบการณ์มากกว่า

About Phynn Coworking Space

พื้นที่ทำงานสำหรับชาวฟรีแลนซ์ย่านเหม่งจ๋ายที่มอร์-วสุพล ร่วมหุ้นกับพี-รวมพร ถาวรอธิวาสน์ เจ้าของบริษัทกราฟิกดีไซน์ TitoTito มีจุดเด่นอยู่ที่ความสงบและการตกแต่งที่เรียบง่ายให้เหล่าฟรีแลนซ์ได้นั่งปั่นงานกันสบายๆ เหมือนทำงานที่บ้านด้วยอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง พร้อมเครื่องปริ้นท์และถ่ายเอกสารให้บริการ หรือหากหิวก็ลุกไปจิบกาแฟ ทานขนมได้ฟรี

อัตราค่าบริการมีทั้งเหมาเป็นวันและ 3 ชั่วโมง ใครติดใจอยากมาใช้บริการบ่อยๆ ก็สามารถสมัครสมาชิกรายเดือน / 3 เดือน / 6 เดือนได้ รายละเอียดเพิ่มเติมดูที่เพจเฟซบุ๊ก Phynn Coworking Space ได้เลย

ที่นี่น่าจะเป็นตัวเลือกหนึ่งสำหรับใครที่อยากหาที่นั่งทำงานสงบๆ ไม่แน่ว่ามาแล้วอาจได้เจอเพื่อนร่วมสายงานเดียวกัน แลกนามบัตรได้งานฝิ่นเพิ่มกลับไปอีกด้วยนะ

FIND IT:
Phynn Coworking Space
518/15-16 ห้อง A10-12 ซอยรามคำแหง 39 แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง (ใกล้สถานทูตกัมพูชา)
เปิดทุกวัน 11.00 น. – 22.00 น.
Tel. 092-250-2802

COCO Q&A: คอลัมน์สนทนากับบุคคลน่าสนใจที่คนกรุงเทพฯ ควรรู้จัก มาเปิดมุมมองและสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิตไปกับเรา 

มีใครน่าสนใจหรืออยากให้สัมภาษณ์ใคร ส่งมาบอกเราได้ที่ krungthep@coconuts.co