UddC และสำนักผังเมืองฟื้นฟูย่านกะดีจีน-คลองสาน นำร่องโครงการกรุงเทพฯ 250

สำนักผังเมืองกรุงเทพมหานคร ร่วมกับศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC) จัดการนำเสนอสาธารณะโครงการ “กรุงเทพฯ 250: อนาคต ความหลากหลาย โอกาสของทุกคน” เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ณ โรงละครเคแบงค์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 อาคารสยามสแควร์วัน

หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธ์ บริพัตรกล่าวเปิดโครงการฯ พร้อมย้ำว่าจะผลักดันโครงการนี้ให้เริ่มดำเนินการก่อนตนเองหมดวาระผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพราะถือเป็นงานสำคัญที่สุดของการเข้าสู่ศตวรรษที่ 3 ของกรุงเทพฯ

“กรุงเทพฯ 250” คือโครงการศึกษาและฟื้นฟูผังเมืองย่านกรุงเทพฯ ชั้นในย่านเมืองเก่าครอบคลุม 17 เขต เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครในอนาคต โดยมีหมุดหมายอยู่ที่ปีพ.ศ.2575 อันเป็นวาระเฉลิมฉลองกรุงเทพมหานครครบ 250 ปีนั่นเอง

ผศ.ดร.นิรมล กุลศรีสมบัติ ผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC) กล่าวถึงผลลัพธ์จากการศึกษา เช่น 10 เทรนด์การใช้ชีวิตในเขตเมืองชั้นใน, 8 ย่านใหม่ในกรุงเทพฯ เกิดขี้น อย่างย่านสร้างสรรค์สำหรับคนทำงานด้านศิลปวัฒนธรรม, ย่านนานาชาติที่รวมตัวโดยคนต่างชาติ, ย่านการผลิตใหม่รองรับอุตสาหกรรมการผลิตโดยเทคโนโลยีอนาคต และย่านอัจฉริยะเพื่อรองรับสังคมดิจิตอล

ผศ.ดร.นิรมลมองว่าจุดแข็งของกรุงเทพมหานครคือความหลากหลายของวิถีชีวิต ช่วงวัย และวัฒนธรรมในแต่ละย่าน แต่ยังขาดการเชื่อมโยงระหว่างย่านด้วยกัน วิสัยทัศน์ของการพัฒนาผังแม่บทฟื้นฟูย่านเมืองเก่าครั้งนี้คือ “มุ่งเชื่อมย่านสู่เมือง เชื่อมเมืองสู่ชีวิตใหม่” เพื่อให้เกิดเมืองที่มีความหลากหลายและเชื่อมโยงกันทั้งในทางกายภาพและข้อมูลข่าวสาร

ในระยะต้น โครงการฯ ได้จัดทำผังแม่บทฟื้นฟูพื้นที่นำร่องย่านกะดีจีน-คลองสานก่อน เนื่องจากเป็นย่านที่มีประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมยาวนาน มีต้นทุนทางสังคมสูง และเป็นย่านที่กำลังเผชิญกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงต่างๆ

จาก 24 โครงการย่อยๆ UddC ได้ดึง 5 โครงการที่สามารถทำได้ก่อน ภายใต้งบประมาณ 390 ล้านบาท คือ 1) โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ริมน้ำย่านกะดีจีน, 2) โครงการศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวทางน้ำ-จักรยาน สะพานพุทธ, 3) โครงการสะพานด้วนสวนลอยฟ้าตรงบริเวณทางรถไฟเก่าใกล้สะพานพระปกเกล้า, 4) โครงการพัฒนาทางเดินริมน้ำย่านคลองสาน และ 5) โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ถนนโอชาท่าดินแดง 

โดยมีการประเมินผลตอบแทนจากการฟื้นฟูว่าจะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากถึง 3.36 แสนล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น รวมถึงในแง่สังคม จะช่วยฟื้นฟูมรดกทางวัฒนธรรมได้ถึง 600,000 ตารางเมตร มีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้น 6 เท่า ทางจักรยานเพิ่มขึ้น 3 เท่า และพื้นที่ริมน้ำเพิ่มขึ้น 3 เท่า เพื่อให้ย่านกะดีจีน-คลองสาน เป็นย่านแห่งความหลากหลายทางวัฒนธรรมริมน้ำที่สร้างสรรค์สำหรับทุกคน

หากโครงการนำร่องนี้สำเร็จได้ด้วยดี ก็จะนำไปสู่การพัฒนาย่านต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯ ชั้นในอย่างย่านสาทร ย่านหัวลำโพง-รองเมือง ย่านจรัญสนิทวงศ์ต่อไป 

อย่างไรก็ตาม ผศ.ดร.นิรมลรวมถึงคณะทำงานได้เน้นย้ำว่าโครงการดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากรัฐบาล กรุงเทพมหานคร ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม รวมไปถึงสื่อมวลชนที่จะต้องช่วยกันศึกษา ร่วมแสดงความคิดเห็น และผลักดันให้แผนการออกแบบนี้ดำเนินได้จริง ไม่เป็นแค่ภาพฝันลอยๆ