หนแรกเราอาจตั้งใจทำอย่างนั้น…แต่เมื่อได้จิบกาแฟรสชาติกลมกล่อมและนั่งลงพูดคุยกับวิว-มฆวรรณ กิจยะกานนท์ หนึ่งในหุ้นส่วนของร้าน เราตั้งใจว่าจะขอกลับมานั่งดื่มกาแฟที่นี่ซ้ำๆ โดยไม่สนว่าจะต้องได้รูปภาพสวยๆ กลับไปอีกแล้ว

เพราะนอกจากความใส่ใจในทุกองค์ประกอบของร้านที่ว่ามา

ความตั้งใจของพวกเขายังมีอยู่ในกาแฟทุกหยดที่ชงให้เราดื่มอีกด้วย
 

มฆวรรณ กิจยะกานนท์ หนึ่งในหุ้นส่วนของร้าน

เริ่มต้นด้วยความรัก

Hands and Heart เกิดจากความฝันของเพื่อนรักสามคน เฟิม-เฟื่องฟู จิรัฐิติวณิชย์, เชด-วิเชฏฐ์ จิรบวรวิสุทธิ์ และวิว-มฆวรรณ กิจยะกานนท์ ตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนที่อัสสัมชัญศึกษาด้วยกัน พวกเขาตระเวนชิมกาแฟจนมาเจอกับกาแฟ Specialty ที่ทุกขั้นตอนตั้งแต่การปลูก คั่ว ไปจนถึงชงจนได้กาแฟหนึ่งแก้วจะทำได้คนที่รักและมีความรู้เรื่องกาแฟตัวจริง

“กาแฟก็เหมือนมนุษย์ มันหลากหลาย เราไม่รู้เลยว่ากาแฟที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเรารสชาติจะเป็นอย่างไร ทุกตัวมีคาแรกเตอร์ต่างกัน เราเลยหลงเสน่ห์ของมัน ได้รู้ว่ากาแฟมีมิติเยอะมาก ลึกไปกว่าแค่อเมริกาโน่หรือลาเต้”

เมื่อหลงรัก…พวกเขาจึงเริ่มศึกษาไปถึงรากของกาแฟผ่านการอ่านหนังสือ หาคลิปวิดีโอการชงกาแฟของแชมป์โลกมาดู และซื้อเครื่องมาทดลองชงกันเองจริงๆ

ทำทุกอย่างด้วยมือ

“แก้วแรกก็ยังกินไม่ได้หรอก” วิวบอกกับเราแล้วหัวเราะ ก่อนอธิบายว่าถึงทฤษฎีจะเป๊ะแค่ไหน รสชาติกาแฟก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ตั้งแต่สายพันธุ์ ความละเอียดของเมล็ดกาแฟ อุณหภูมิของน้ำที่ใช้ชง รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ต้องอาศัยประสบการณ์และลองชงหลายๆ ครั้งจนในที่สุดก็ได้กาแฟตามคอนเซปท์ที่ทั้งสามคนตั้งไว้ คือ Minimal, Simple และ Slow Life

“ทุกแก้วเราชงด้วยมือ (Hand Brew) ทุกขั้นตอน และใช้วิธีการชงแบบฟิลเตอร์คือจะค่อยๆ ชง ทำแต่ละแก้วด้วยความพิถีพิถัน แต่ด้วยความ minimal มันก็ไม่ต้องใช้อะไรมาก ทุกคนชงได้ เรามีแค่กาต้มน้ำและเครื่องมือไม่กี่เครื่องก็ชงกาแฟได้หลากหลายแล้ว ส่วนความ simply คือเรารู้สึกว่าจริงๆ แล้วกาแฟดื่มง่ายนะ ไม่จำเป็นต้องขมหรือเป็นเครื่องดื่มสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น รสชาติกาแฟของทางร้านเลยออกเฟรนด์ลี่ ทำอะไรให้ง่ายมันดีกว่า แต่ความง่ายก็ไม่ใช่จะชงอะไรก็ได้นะ” วิวย้ำกับเราชัดเจน

 

หนึ่งในสิ่งที่ ‘ไม่ใช่อะไรก็ได้’ คือการคัดสรรเมล็ดกาแฟให้ตรงกับความต้องการ ทั้งสามบินไปถึงโตเกียวเพื่อพูดคุยตกลงเป็นพาร์ทเนอร์เจ้าเดียวในไทยกับร้านกาแฟสไตล์นอร์ดิกชื่อดัง Fuglen นอกจากนี้ยังขึ้นไปตามหาเมล็ดกาแฟท้องถิ่นจากไร่กาแฟกว่า 20 ไร่ จนได้เจอกับบ้านกาแฟดอยผาตั้ง จังหวัดเชียงรายซึ่งมีแพชชั่นตรงกันและติดต่อให้ส่งมาขายที่ร้าน

“ไม่ใช่ว่ากาแฟของฟุกเล็นอร่อยหรือดีกว่าเจ้าอื่น ทุกๆ พันธ์ุมีคาแรกเตอร์ของมัน เราแค่ชอบคาแรกเตอร์แบบนี้เท่านั้นเอง”

ขาวและดำคืออมตะ

ทำเลเป็นเรื่องสำคัญสำหรับธุรกิจทุกประเภท เพราะนอกจากจะบอกได้คร่าวๆ ถึงจำนวนคนที่จะเข้าร้านแล้ว ยังสะท้อนตัวตนที่เจ้าของอยากนำเสนอด้วย

พอทั้งสามคนตั้งคอนเซปท์ของร้านว่าอยากให้เข้าถึงง่าย บรรยากาศอบอุ่น ได้ความรู้สึกโฮมมี่เหมือนนั่งทานกาแฟที่บ้าน ซอยทองหล่อที่ให้ฟีลเมืองสุดๆ เลยถูกตัดไป และหันมามองที่สุขุมวิทซอย 38 ซึ่งเป็นซอยที่อยู่อาศัย ก็พอดีเจอพื้นที่เล็กๆ ด้านล่างตึกหนึ่งกลางซอยที่เจ้าของยินดีให้เช่าสมใจ

“เราไม่ได้ตั้งใจจะสร้างร้านให้ใหญ่ รู้สึกว่ามันเหงา ทำร้านเล็กๆ แต่มาคิดเรื่องสเปซดีกว่า เพราะจริงๆ ร้านกาแฟก็ไม่ต้องการอะไรมาก เราเลือกใช้สีขาว-ดำเท่านั้นเพราะเป็นสีที่ตรงข้ามกัน แต่พออยู่ด้วยกันมันอมตะ อยู่ได้ตลอดไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัย และทุกวันนี้ร้านกาแฟก็ใช้ไม้กันเยอะมากแล้ว เราอยากสร้างความแตกต่าง อยากให้คนได้เห็นร้านกาแฟแบบใหม่ๆ บ้าง ก็เลยเลี่ยงวัสดุไม้ทั้งหมดเลย”

พลังของการบอกต่อ

ความแตกต่างทั้งกาแฟที่นำเสนอและการตกแต่งร้านที่โดดเด่น เลยเป็นจุดแข็งที่ทำให้ Hands and Heart มีลูกค้าทุกกลุ่มแวะมาหา ตั้งแต่คอกาแฟ คาเฟ่ฮอปปิ้งไปจนถึงนักเรียนมัธยม เสียงตอบรับที่ดีมากแม้ว่าจะเพิ่งเปิดร้านมาได้แค่ 3 เดือนทำเอาพวกเขาเซอร์ไพร้ส์ไม่น้อย วิวยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะพลังของโซเชียลมีเดียที่ลูกค้าแต่ละคนช่วยถ่ายรูปแล้วแชร์กันต่อไปเรื่อยๆ ทำให้หลายคนอยากตามมา
 

 

“กลุ่มเป้าหมายหลักเราตอนแรกคือคอกาแฟ เพราะเรานำเสนอกาแฟเกรดพรีเมียม แต่เราก็ลืมไม่ได้ว่ายังมีกลุ่มคนที่ชอบเสฟคาเฟ่ คนที่ไม่ดื่มกาแฟแต่มาเพราะชอบบรรยากาศร้านเรา ตอนนี้เลยพูดยากมากว่าลูกค้าเราเป็นใคร เพราะมีทุกกลุ่มแล้ว” ตรงนี้ทำให้ทางร้านต้องนำเสนอเครื่องดื่มอื่นๆ อย่างมิลค์เชกหรือซอฟท์ดริ้งค์ และมีเบเกอรี่รองรับกลุ่มคนไม่ดื่มกาแฟบ้าง แต่ก็มีไม่มากเพราะยังเน้นกาแฟเป็นหลัก

“ลูกค้าที่ทีแรกมาเพราะชอบคอนเซปท์หรือสไตล์ของร้านที่แตกต่าง พอเขาได้มารู้จักกาแฟที่ไม่เคยรู้จัก ลองชิมก็ชอบ เราได้กลุ่มลูกค้าใหม่ด้วยและเราก็รู้สึกดีที่เห็นเขาเปิดรับอะไรใหม่ๆ มาแล้วก็ติดกาแฟแบบนี้ไปเลย”

บทสรุปที่ยังไม่หยุดแค่นี้

ท่ามกลางกระแสที่มีร้านกาแฟเปิดใหม่และปิดไปมากมายทั่วกรุงเทพฯ นอกจากความสุขขมอมหวานที่วิวบอกกับเราว่าความฝันของพวกเขาเป็นจริงแล้ว พวกเขาจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ แต่ยังคิดอยากทำอะไรใหม่ๆ อีกมากมาย

“เราว่าร้านกาแฟต้องสร้างคอมมูนิตี้ให้ได้ ไม่ใช่แค่ลูกค้าเข้ามาดื่มกาแฟแล้วก็ออกไป เราอยากจะจัด cupping (การชิมกาแฟ) หรือนิทรรศการศิลปะให้คนเข้ามารวมกลุ่มและจอยกัน และคุณภาพของกาแฟก็ต้องดีตลอด หรือไม่ก็ต้องดีกว่าเดิม เราไม่มีบทสรุปหรอกว่าร้านเราจะคงอยู่ต่อไปหรือเปล่า แต่เราจะไม่หยุดแค่นี้ เราจะทำให้ดีที่สุด” วิวบอกแล้วยื่นแก้วกาแฟดริปที่เขาเพิ่งชงให้เราลองดื่ม

บทสรุปของความใส่ใจทุกอย่างอยู่ในกาแฟแก้วนี้แล้ว

FIND IT:
Hands and Heart
กลางซอยสุขุมวิท 38 (BTS ทองหล่อ)
เปิดทุกวัน 07.00 น. – 21.00 น.
Tel. 081-4427977

Upstarts: ล้วงเคล็ดลับความสำเร็จของแบรนด์ธุรกิจอินเทรนด์ ชวนกระตุกไอเดียต่อยอดอีกมากมาย
มีธุรกิจใดน่าสนใจไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก ส่งมาบอกเราได้ที่ [email protected]