ถึงแม้เราจะอยู่ในยุคที่วิทยาศาสตร์รุ่งเรืองถึงขั้นต่ออายุขัยให้มนุษย์ได้ ยุคที่เทคโนโลยีการสื่อสารรุดหน้าจนโลกไร้พรมแดน ยุคที่กรุงเทพมหานครเต็มไปด้วยตึกระฟ้าราวกับป่าคอนกรีต แต่ความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ก็ยังไม่หมดไป เราเคยคิดว่าวิทยาศาสตร์กับไสยศาสตร์เป็นเหมือนแสงสว่างกับความมืดที่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ เมื่อแสงส่องสว่างขึ้น ความมืดย่อมหมดไป ดูเหมือนว่าเราอาจคิดผิด

เราสนใจปรากฏการณ์ “ลูกเทพ” เป็นพิเศษ เพราะมันสะท้อนถึงวิวัฒนาการของไสยศาสตร์ในเมืองหลวงแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี อะไรที่ทำให้คนยอมจ่ายเงินหลายพันไปจนถึงหลักหมื่นบาทเพื่อซื้อตุ๊กตาตัวหนักอึ้งมาเลี้ยงเหมือนลูก อาจเพราะความสบายใจ อาจเพราะโชคลาภ หรืออาจจะมีอะไรมากกว่านั้น

 

จุดกำเนิดลูกเทพ

เราเดินทางไปยังบ้าน 2 ชั้นหลังหนึ่งย่านบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี เพื่อพูดคุยกับ หนิง-มนัญญา บุญมี หรือ “แม่หนิง” ตามที่ลูกศิษย์ของเธอเรียก หากมองจากด้านนอก บ้านแม่หนิงไม่ต่างจากบ้านทั่วไป แต่เมื่อเข้ามาภายในห้องรับแขก เราพบตุ๊กตาเกือบร้อยตัววางกระจัดกระจายอยู่ทั่วห้อง ส่วนใหญ่นั่งอยู่บนชั้นสีแดง ไม่ก็ตั้งอยู่บนโซฟาหรือกองอยู่บนพื้น เพื่อรอให้ผู้ศรัทธามารับไปเลี้ยง

“ลูกเทพคือตุ๊กตาที่มีชีวิตค่ะ” แม่หนิงยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ลูกเทพไม่เหมือนกุมารทั่วไป กุมารคือเราต้องเอาไว้บนหิ้ง ต้องถวายน้ำแดง ต้องใส่ชุดไทยใช่มั้ยคะ แต่ลูกเทพไม่ใช่ค่ะ ลูกเทพคือตุ๊กตาที่เราทำพิธีอธิษฐานจิตขึ้นมาแล้วใส่อยู่ในตุ๊กตา เราเลี้ยงเค้าได้เหมือนลูก พาไปเที่ยว พาไปทำบุญได้เหมือนเลี้ยงเด็กคนนึง”

พลอย (ซ้าย) ลูกเทพตัวแรก ปลุกเสกเมื่อ 13 ปีก่อน สมัยที่ยังไม่ใช้ตุ๊กตารีบอนด์ เบบี้

ย้อนกลับไปเมื่อ 13 ปีก่อน ขณะที่แม่หนิงยังเป็นแม่ค้าเครื่องหนังในตลาดกระทรวงสาธารณสุข เธอได้ใช้พลังที่เชื่อว่าได้มาจากการเป็นร่างทรงพระแม่อุมาเทวีสร้างลูกเทพตัวแรกขึ้น โดยการนั่งสมาธิอธิษฐานจนเกิดดวงจิตแล้วฝังลงไปในตุ๊กตาเด็กผู้หญิงชื่อว่า “พลอย” เธอเลี้ยงดูพลอยเหมือนลูกเล็กๆ ของตัวเอง และเชื่อว่าพลอยได้ทำให้นิสัยลูกชายวัย 17 ปีของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากเด็กเกเรกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ เชื่อฟัง และกตัญญู

“พลอย” ที่เกิดจากร่างทรงของ “พระแม่อุมาเทวี” จึงถือเป็น “ลูกเทพ” ตัวแรก
 

ประกอบร่างลูกเทพ

ลูกเทพที่ขายกันในปัจจุบันมีราคาตั้งแต่ 1,999 บาท ไปจนถึง 30,000 บาท ถือว่าสูงพอกับราคาเช่าพระเครื่องบางองค์

เหตุที่มีราคาสูงเพราะวัสดุที่ใช้และขั้นตอนการปลุกเสกที่ยุ่งยาก ลูกเทพคือตุ๊กตารีบอนด์ เบบี้ (Rebond Baby) ทำจากไวนิลชนิดที่มีความนิ่มในตัว สามารถนำมาลงสีผิวให้คล้ายกับผิวมนุษย์ของจริงได้ หลังจากประกอบแล้วต้องนำมายัดนุ่นเพิ่มเพื่อถ่วงน้ำหนัก ใส่เมล็ดธัญพืชเข้าไปข้างในเพื่อเป็นเคล็ดสื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ ก่อนนำมาทำผม แต่งหน้า ลงอักขระที่หน้าผาก และใส่เสื้อผ้าให้สวยงามรอให้คนมาขอรับเลี้ยงต่อไป

แม่หนิงกับเพชร ลูกชายคนโปรด

ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ประเมินว่ามีผู้ศรัทธาที่เข้ามาขอรับลูกเทพไปเลี้ยงไม่ต่ำกว่า 200 คน บางคนสั่งทำตุ๊กตาเป็นพิเศษ ขณะที่บางส่วนมาเลือกเอาที่บ้านแม่หนิง เมื่อได้ตัวที่ถูกใจแล้ว แม่หนิงจะพาตุ๊กตาขึ้นไปที่ตำหนักพระแม่อุมาเทวีบริเวณชั้น 2 ของบ้านเพื่อเสกจิตเข้าไป

คนที่เข้ามาขอรับลูกเทพไปเลี้ยงส่วนใหญ่มีความหวังในเรื่องหลักๆ ไม่ต่างกัน คือเรื่องโชคลาภ ความรัก และการประสบความสำเร็จในชีวิต แหม่ม สาวพนักงานขายรถยนต์ค่ายหนึ่งย่านรังสิต บอกกับเราในวันที่กำลังรับลูกเทพไปเลี้ยงว่า เธอมาตามคำสัญญาที่ให้ไว้

“ก่อนมาซื้อตั้งจิตอธิษฐานเอาไว้ว่าถ้าเราขายงานนี้ได้ เราถึงจะมีเงินมารับเค้านะ แล้วงานชิ้นนั้นที่ว่ายากก็สำเร็จค่ะ วันนี้เลยมารับไปอยู่ด้วย อยากได้เอาไว้ช่วยเรื่องการงานของเรา” แหม่มเล่า

 

กุมารทอง 2.0

ไม่แปลกที่แหม่มอยากประสบความสำเร็จในชีวิต เชื่อว่าทุกคนก็คิดเช่นนั้น แต่ปรากฏการณ์นี้กำลังบอกอะไรกับเรา หากมีร้อยคนที่ต้องการประสบความสำเร็จเท่ากัน ทำไมบางคนถึงตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้ นี่เป็นเพราะความอ่อนแอทางจิตใจ เพราะความเชื่อส่วนบุคคล หรือเพราะอะไรกันแน่

นพ.ทวี ตั้งเสรี ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมสุขภาพจิต ปูให้เราเห็นภาพก่อนว่า “พื้นฐานจิตใจของคนไทยส่วนมากมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องไสยศาสตร์อยู่แล้ว” คนไทยส่วนใหญ่ไม่ว่ารวยหรือจนจึงมีปมความเชื่อในเรื่องลี้ลับอยู่ทั้งนั้น ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม

สุดท้ายแล้ว การเลี้ยงลูกเทพของคนในยุคนี้ก็คงไม่ต่างไปจากการเลี้ยงกุมารทองของคนรุ่นพ่อแม่เรา พูดอีกนัยหนึ่งว่าลูกเทพอาจเป็นแค่การกลายพันธุ์ของกุมารทองเท่านั้น และคำอธิบายทางจิตวิทยาก็ยังใช้เหตุผลชุดเดียวกันได้

“หนึ่ง คือการแสวงหาในสิ่งที่ส่วนลึกในจิตใจยังขาดอยู่ บางคนอาจไม่สบายใจอะไรบางอย่าง หรือขาดอะไรสักอย่าง เค้าก็หวังว่าลูกเทพจะทำให้เค้าสมหวังได้ เพราะเหมือนเค้ามีอะไรมายึดเหนี่ยวจิตใจ สอง คือกระแสแฟชั่น พอมีคนนึงมี คนที่ไม่มีก็จะรู้สึกไม่อยากน้อยหน้า ก็เหมือนไอโฟนนั่นแหละครับ คนที่ไม่มีก็รู้สึกอายเพื่อน ทั้งๆ ที่โทรศัพท์ราคาไม่แพงมากก็ใช้ได้เหมือนกัน” คุณหมออธิบาย

เราคิดผิดไปที่เชื่อว่าวิทยาศาสตร์กับไสยศาสตร์เป็นเหมือนแสงสว่างกับความมืดที่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ บางทีสองสิ่งนี้อาจเป็นลำแสง 2 เส้นที่ต้องอยู่คู่กันตลอดไป เพราะไม่ว่าวิทยาศาสตร์จะเจริญขึ้นแค่ไหน ส่วนลึกในจิตใจของมนุษย์ก็คงไม่มีวันได้รับการเติมเต็ม ลูกเทพจึงต้องพัฒนาไปเป็นความเชื่อในรูปแบบอื่นต่อไป

ในยุคที่วิทยาศาสตร์รุ่งเรืองถึงขั้นต่ออายุขัยให้มนุษย์ได้ ยุคที่เทคโนโลยีการสื่อสารรุดหน้าจนโลกไร้พรมแดน ยุคที่กรุงเทพมหานครเต็มไปด้วยตึกระฟ้าราวกับป่าคอนกรีต บางที ในห้องเล็กๆ ของคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่ง ใครบางคนอาจกำลังพรมน้ำมันพรายใส่คนที่เธอรักอยู่ก็เป็นได้