NEW RELEASE: รักของอภิชาติพงศ์ที่ขอนแก่น

July 12, 2018
1098 Views

วันที่บทสัมภาษณ์นี้เผยแพร่ เจ้ย-อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล คงกำลังให้สัมภาษณ์กับสื่อต่่างประเทศเจ้าใดเจ้าหนึ่งอยู่ที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส พร้อมรับฟังเสียงชื่นชมอย่างคับคั่งและคำวิจารณ์จากภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขา ‘Cemetery of Splendour’ หรือชื่อภาษาไทยว่า ‘รักที่ขอนแก่น’ หนึ่งในภาพยนตร์ที่ถูกคัดเลือกให้ฉายในโปรแกรม Uncertain Regard ของปีนี้

ก่อนเขาเดินทางหนึ่งวัน เราต่อสายโทรศัพท์ถึงอภิชาติพงศ์เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ถ่ายทอดความทรงจำที่เขามีต่อบ้านเกิด ก่อนที่ ‘รักที่ขอนแก่น’ อาจจะเป็นการทิ้งทวนหนังไทยเรื่องสุดท้ายของเขา

 

ความผูกพันของพี่เจ้ยกับจังหวัดขอนแก่นถูกถ่ายทอดมาในภาพยนตร์เรื่องนี้ยังไงบ้าง

จริงๆ แล้ว ขอนแก่นเป็นเมืองที่ไม่น่าดูเลยนะ เป็นเหมือนเมืองอื่นๆ ในประเทศไทยตอนนี้ที่เต็มไปด้วยห้าง ตึกแถว ซึ่งเราจะดูไม่ออกเลยว่าเป็นจังหวัดไหน แต่เราจำได้ว่าที่เราโตขึ้นมา เมืองไม่ใช่แบบนี้ เวลาเรากลับบ้านแต่ละครั้ง ความทรงจำเลยจะทับซ้อนกับอาคารที่เกิดขึ้นมาใหม่ หนังเรื่องนี้ก็เลือกอาคารสถานที่ที่ไม่ได้ตั้งใจว่าจะแสดงเป็นขอนแก่น เลือกที่กลางๆ เช่นตลาด บึงแก่นนคร เป็นสถานที่ที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก

เราทำงานมาเยอะแล้วในประเทศนี้ แต่บ้านเกิดที่เราเติบโตคือขอนแก่น เรายังไม่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาเลย ก็ดีที่จะใช้ขอนแก่นเป็นเรื่องปิดท้าย

 

ทำไมถึงตัดสินใจที่จะกำกับเรื่อง ‘รักที่ขอนแก่น’ เป็นหนังไทยเรื่องสุดท้าย

นี่คือที่ตั้งใจไว้นะ แต่สุดท้ายอาจจะไม่ใช่ก็ได้ พี่รู้สึกว่าไทยมีขุมทรัพย์ที่เราทำงานกับมันมาเกือบ 20 ปี แต่ว่าก็ยังมีข้างนอกที่เราประทับใจอีกมาก และอยากท้าทายตัวเองว่าเราจะเชื่อมจิตวิญญาณกับพื้นที่ใหม่ๆ ได้ไหม ยังอยากทำหนังแบบเดิมแต่ว่าก็บอกไม่ได้ว่ามันจะออกมาเหมือนเดิมหรือเปล่า เพราะครึ่งหนึ่งคือตัวเราอยู่แล้ว แต่อีกครึ่งหนึ่งมันคือพื้นที่ใหม่ซึ่งมีประวัติศาสตร์ต่างกัน ซึ่งนี่แหละคือสิ่งที่ต้องการ

 

พื้นที่ที่ว่าคือที่ไหน แล้วจะย้ายไปต่างประเทศเลยหรือเปล่า

จริงๆ พี่คงอยู่ที่ไทยเพราะยังทำงานศิลปะที่นี่ค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าภาพยนตร์ ตอนนี้มองไว้ที่อเมริกาใต้ อาจเพราะว่ามันมีสีสันคล้ายๆ เมืองไทย อารมณ์คนจัดจ้านคล้ายๆ กัน ค่อนข้างติดพื้นที่เยอะ แต่เมืองไทยถือว่าเป็นเด็กไปเลยในแง่ประวัติศาสตร์ เพราะที่อเมริกาใต้จะมีหลักฐานหรือความร่ำรวยทางอารยธรรมสานต่อไปได้เยอะมากๆ ย้อนไปสมัยอาณาจักรอินคา มายา

 

คลิปวิดีโอเรื่อง ‘รักที่ขอนแก่น’ ที่ปล่อยออกมาก็เห็นว่าหนังแทรกความเชื่อแบบไทยๆ เข้าไปด้วย ทำไมถึงเชื่อเรื่องจิตวิญญาณ ประวัติศาสตร์ของคนมากๆ และนำเสนอประเด็นนี้ตลอด

อาจเพราะเราโตที่ขอนแก่นซึ่งแต่ก่อนมันไม่ค่อยมีอะไร เพราะฉะนั้น ภาพยนตร์หรือนิยายวิทยาศาสตร์มันเป็นทางออกของเราที่จะจินตนาการให้พ้นไปจากตรงนั้น ทำให้เริ่มสนใจเรื่องความเชื่อ อิทธิพลของสิ่งที่เหนือจริงกับการดำเนินชีวิต รวมถึงโลกที่มันผสานกัน

คนไทยเราเช่ื่อว่าไม่ได้มีชีวิตอยู่ในระนาบเดียว แต่ว่ามีโลกของวิญญาณด้วย อย่างข่าวไหว้ต้นกล้วยอะไรพวกนั้น จินตนาการในการแต่งเรื่องเพื่อที่จะเชื่ออะไรบางอย่างนอกเหนือจากสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยประสาททั้งห้า คนไทยไม่แพ้ใคร มันทั้งน่าตื่นเต้น น่าเศร้า และน่าขบขันในเวลาเดียวกัน เราเลยเล่นกับระนาบที่ชนกันนี้ระหว่างโลกแห่งความจริง โลกแห่งความฝัน และโลกแห่งความเชื่อ

 

ตัวอย่างคลิปวิดีโอในเรื่อง ‘รักที่ขอนแก่น’ ที่ปล่อยออกมาให้ชมกันแล้ว
 

‘รักที่ขอนแก่น’ เหมือนหรือแตกต่างจากภาพยนตร์เรื่องก่อนๆ ยังไงบ้าง ได้ทดลองอะไรใหม่ๆ บ้างไหม

หนังทุกเรื่องได้แรงบันดาลใจมาจากการใช้ชีวิตที่ไทย จากคนที่เรารัก ทั้งแฟน เพื่อน นักแสดงที่ทำงานมาด้วยกัน เรื่องนี้พิเศษที่เราหยิบแรงบันดาลใจมากจากป้าเจน-เจนจิรา พงศ์พัศ (วิดเนอร์) ซึ่งทำงานมาด้วยกันตั้งแต่ปี 2001 ในเรื่องสุดเสน่หา (2002) แกเป็นผู้หญิงมหัศจรรย์มากสำหรับพี่ เป็นแรงบันดาลใจมากเรื่องความทรงจำของภาคอีสานที่แกโตขึ้นมา จะมีประวัติศาสตร์ที่เราไม่รู้มาก่อน เพราะว่าแกจำได้ทุกอย่างเลยตั้งแต่ทำงานกันมา แกจำได้ว่าวันนั้นเรากินข้าวอะไรกัน ในแง่นี้มันก็ตรงกับสิ่งที่พี่สนใจอยู่แล้วเรื่องความทรงจำของพื้นที่ ประวัติศาสตร์ ป้าเจนเป็นตัวแทนอย่างหนึ่งเลยแน่นอนที่จะต้องแทรกความทรงจำของป้าเจนเข้าไปเป็นระยะๆ

ที่ทดลองน่าจะเป็นการที่เรายึดนักแสดงคนเดียวเป็นหลัก คือป้าเจน เรื่องอื่นเราจะเน้นคอนเซปท์มาก แต่เรื่องนี้จะเน้นอารมณ์ความรู้สึกมากกว่า ทำให้หนังมีความหวาน มีความเป็นผู้หญิงเยอะถ้าเทียบกับเรื่องก่อนๆ

 

ที่สุดแล้วสิ่งที่อยากบอกในภาพยนตร์เรื่องนี้คืออะไร

ไม่มีมั้ง พี่จะยอมแพ้คำถามแบบนี้มาก เหมือนถามว่าเรามีจุดประสงค์อะไรกับการทำงานชิ้นหนึ่ง ของเราคือการได้ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกหนึ่งของชีวิต เราไม่ได้ต้องการอะไรเลยนอกจากจะแชร์ประสบการณ์การเติบโตในประเทศนี้ ว่าบางทีมันไม่สามารถสู้กับความจริงได้ 100% ไม่งั้นคุณจะเป็นบ้า คุณต้องเอาตัวเองหลบไปใช้ชีวิตอยู่ในโลกของความฝันบ้าง ถึงจะเอาตัวรอดได้

เจนจิรา พงศ์พัศ (วิดเนอร์)

 

สิ่งนี้หรือเปล่าที่ทำให้ ‘รักที่ขอนแก่น’ ดูน่าสนใจในสายตาชาวต่างชาติ

พี่ว่ามันเป็นเรื่องการติดตามภาพยนตร์จากคนทำหนังคนหนึ่งมากกว่า ในเทศกาลคานส์ ถ้าสังเกตจะเห็นว่ามีผู้กำกับหน้าเก่าหน้าใหม่ผสมกัน แต่หน้าเก่าจะมีหนังอยู่เรื่อยๆ มันคือพื้นที่ที่ผู้ชมจะได้ติดตามหนังของเรา พี่ทำหนังเหมือนไดอารี่ อารมณ์ความรู้สึกที่เรามองประเทศนี้เปลี่ยนไปยังไง เอามาฉายให้คนดูได้ติดตามไปเรื่อยๆ

แต่ยังไงก็ตาม เราจะทำหนังหน่อมแน้มไม่ได้ ต้องทำหนังที่เราเชื่อว่ามีคุณค่าในแง่ศิลปะภาพยนตร์หรือว่าทดลองกับภาษาภาพยนตร์ด้วย เทศกาลหนังมันเกี่ยวข้องกับการตลาดก็จริง แต่ก็ไม่ได้ 100% จะมีอีกส่วนที่ผลักดันให้วัฒนธรรมการสร้างภาพยนตร์ขับเคลื่อนไปได้ เพราะถ้าเขาคิดเรื่องการตลาด 100% ยังไงหนังเรื่องนี้ไม่มีทางได้ฉาย

 

แล้วคนไทยจะมีโอกาสได้ดูเรื่องนี้ไหม

คงต้องคุยกับทางโรงภาพยนตร์ดูก่อนว่ามันเป็นไปได้มากแค่ไหน เพราะต้องใช้เงินลงทุนเยอะเหมือนกัน

 

ลองมองดูทิศทางของหนังอินดี้ หนังอาร์ตในบ้านเราก็เริ่มมีกระแสความนิยมมากขึ้น พี่เจ้ยคิดว่าจะสามารถโตขึ้นไปได้กว่านี้หรือเปล่า

แน่นอน เพราะตอนนี้มันอยู่ในจุดที่เริ่มเข้าใจว่าตลาดหนังไทยถ้าร่วมมือกับโรงภาพยนตร์แล้ว เราจะไปได้สูงสุดเท่าไหน กะรายได้มาประมาณนี้ๆ ก็สรุปว่าอยู่ไม่ได้

เพราะฉะนั้นมันจะเกิดบริษัทจัดจำหน่ายภาพยนตร์อย่างที่พี่ทำกับเพื่อน (Mosquito Film Distributions ร่วมกับคนในแวดวงภาพยนตร์หลายคน เช่น พิมพ์ผกา โตวิระ, อาทิตย์ อัสสรัตน์, ลี ชาตะเมธีกุล) คือบริษัทที่พยายามหาตลาดให้หนังไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลหนัง แต่ก่อนเราคิดว่าส่งหนังไปเทศกาลได้ก็ดีใจมากแล้ว แต่จริงๆ อย่างเทศกาลที่อเมริกาส่วนใหญ่จะเสียค่าสมัครด้วย เราก็จะไม่แนะนำเลยเพราะมันเสียเปล่า แต่ทางยุโรปหลายแห่งก็จะไม่มีค่าสมัคร วางแผนว่าจะพรีเมียร์หนังที่ไหนดีที่สุด ฤดูต่อไปจะเป็นที่ไหน ให้คนทำหนังได้เห็นผลตอบแทน

หนังไทยจะเริ่มขยายโหมดของการจัดจำหน่ายเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงช่องทางการฉายอย่างของไทยเองก็มีเคเบิ้ลต่างๆ หรือ online streaming ซึ่งพี่ว่ามันสร้างความหลากหลายให้ทั้งหนังอินดี้และหนังสตูดิโอ เพราะสุดท้ายแล้วหนังก็เป็นศิลปะการเล่าเรื่องที่ทำยังไงเราจะขายได้ มันเหมือนอาหารแต่ละประเภท คือต้องมีคนกิน แต่เราจะหาคนกลุ่มนี้ได้ที่ไหน ไม่ว่าเราจะทำหนังท้าทายขนาดไหนก็ต้องมีคนดู

 

อะไรคือสิ่งสำคัญที่พี่เจ้ยได้จากที่หนังของตัวเองมีโอกาสฉายที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์และได้รางวัลมาแล้ว

คงเป็นประสบการณ์ที่รางวัลนี้ทำให้เราได้ไปหลายๆ ที่ในโลกที่ไม่ได้คิดว่าจะได้ไป ได้รู้จักคนดูหนังที่หลากหลายมากๆ อย่างเช่นที่เปรู เขาจะมีชมรมที่ซื้อหนังแปลกๆ ไปฉายในหมู่บ้านห่างไกลบนภูเขาเราไม่คิดว่าจะได้พบอะไรอย่างนี้ เป็นโลกของภาพยนตร์ที่กว้างขึ้น มันก็จะเป็นกำลังใจให้เรามากกว่า หนังเราหลายคนอาจบอกว่าทำไปทำไม แต่เราเห็นแล้วว่ามีคนที่คอยดูและได้ประโยชน์จากมัน การที่เราถกประเด็นต่างๆ ในหนังมันทำให้เรามีกำลังใจที่จะทำต่อ


Cemetery of Splendour ได้คะแนนสูงสุดจากนักวิจารณ์ (8.9/10)
หลังการฉายรอบพรีเมียร์ที่เทศกาลภาพยนตร์คานส์

ภาพ: Indiewire.com

 


NEW RELEASE: พูดคุยกับศิลปินที่มีผลงานใหม่น่าจับตามอง สำรวจความคิดเบื้องหลังและทัศนคติดีๆ ที่จะเปลี่ยนมุมมองบางอย่างกับคุณ
มีใครน่าสนใจหรืออยากให้สัมภาษณ์ใคร ส่งมาบอกเราได้ที่ [email protected]


Tell us what you think!

You may be interested

คุณครูอวดของขวัญชิ้นประทับใจจากลูกศิษย์ตัวน้อยผู้ไม่มีอะไรจะให้..แต่ก็หามาให้จนได้
AROUND THE WORLD
shares6089 views
AROUND THE WORLD
shares6089 views

คุณครูอวดของขวัญชิ้นประทับใจจากลูกศิษย์ตัวน้อยผู้ไม่มีอะไรจะให้..แต่ก็หามาให้จนได้

Sapparot - Dec 26, 2018

คุณครูชั้นประถมในสหรัฐฯ อวดของขวัญชิ้นโดนใจที่ได้รับในช่วงเทศกาลแห่งความสุขจากลูกศิษย์ตัวน้อยที่แม้ตัวเองจะไม่มีอะไรก็ยังตั้งใจสรรหาของขวัญมาให้คุณครูจนได้ ถึงจะเป็นแค่มาร์ชเมลโลว์จากซีเรียลอาหารเช้าธรรมดา ๆ แต่เพราะว่ามีความตั้งใจของหนูอยู่เต็มเปี่ยมในนั้น มันเลยพิเศษที่สุดเลย

10 รูปยอดไลค์สูงสุดใน Instagram 2018
LIFESTYLE
shares5316 views
LIFESTYLE
shares5316 views

10 รูปยอดไลค์สูงสุดใน Instagram 2018

Sapparot - Dec 25, 2018

10 รูปยอดไลค์สูงสุดจาก Instagram ปี 2018 รวมแล้วมาจากคนดังระดับโลกเพียง 5 คนเท่านั้น โดยมีหนูน้อย Stromi ลูกสาว Kylie Jenner เรียกยอดไลค์กดหัวใจให้คุณแม่ได้อย่างดีเชียว

อาทิตย์และดวงจันทร์ Rose Céleste เครื่องประดับน่ารักจาก Dior
Accesseries
shares4711 views
Accesseries
shares4711 views

อาทิตย์และดวงจันทร์ Rose Céleste เครื่องประดับน่ารักจาก Dior

Sapparot - Dec 24, 2018

Dior เผยโฉมแอคเซสซอรี่ชิ้นใหม่ Rose Céleste จี้กลมรูปพระอาทิตย์-พระจันทร์ งานแฮนด์เมดสุดปราณีตจากทองคำและเปลือกหอยมุก