10 เรื่องน่ารู้จากการ์ตูนหนูน้อยจอมซ่า มารุโกะจัง Chibi Maruko Chan
ผู้ใหญ่ในวัยเลข 3 ต้นๆ ลงไปจนถึงเด็กๆ ในยุคนี้ คงจะคุ้นเคยกันดีพอตัวกับการ์ตูนหนูน้อยจอมซ่า มารุโกะจัง (Chibi Maruko Chan) จากประเทศญี่ปุ่น ที่มีทั้งการ์ตูนเล่ม การ์ตูนแมกกาซีน และทั้งซีรีส์เวอร์ชั่นคนแสดง บอกเล่าเรื่องราวแสนสนุกสนานของยัยหนูมารุโกะจอมเปิ่นกับเหล่าผองเพื่อน และคนในครอบครัวตระกูลซากุระ
และเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่าน คุณโมโมโกะ ซากุระ (Momoko Sakura) ผู้วาดการ์ตูนมารุโกะ ได้เสียชีวิตลงในวัย 53 ปี จากโรคมะเร็งเต้านม โดยทาง Sakura Production เพิ่งได้เผยข่าวการเสียชีวิตนี้อย่างเป็นทางการในบล็อกของคุณโมโมโกะเมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา
เพื่อรำลึกถึงถึงความสุขและสนุกสนานที่คุณโมโมโกะได้มอบให้เราผ่านการ์ตูน Chibi Maruko Chan ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา Sapparot จึงขอรวบรวม 10 เรื่องราวที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการ์ตูนหนูน้อยจอมซ่า มารุโกะจัง มาให้อ่านกัน
1. ชื่อจริงของมารุโกะจัง
มารุโกะจัง มีชื่อจริง ว่า “โมโมโกะ ซากุระ” (Sakura Momoko) แต่ใครๆ ก็เรียกเธอด้วยชื่อเล่นกันว่า มารุโกะจัง
2. ชื่อจริงของผู้วาดมารุโกะจัง
ชื่อ “โมโมโกะ ซากุระ” ของผู้วาดการ์ตูนจิบิมารูโกะจังนั้น ที่จริงเป็นชื่อนามปากกา โดยชื่อจริงของคุณนักแต่งและวาดการ์ตูนยัยหนูจอมซ่านี้คือ “มิอุระ มิกิ” (Miura Miki) เธอเกิดเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 1965 และเสียชีวิตลงเมื่อ 15 สิงหาคม 2018 ในวัย 53 ปี
3. จุดเริ่มต้นของการ์ตูนจิบิมารุโกะจัง
การ์ตูนยัยหนูจอมซ่าได้รับการตีพิมพ์ภายใต้ชื่อ “Chibi Maruko Chan” เป็นครั้งแรกเมื่อปี 1986 ในนิตยสารการ์ตูนรายเดือน Ribon โดยสำนักพิมพ์ชูเอฉะ ก่อนจะมีหนังสือการ์ตูนรวมตอน Chibi Maruko Chan ออกมาเป็นเล่มครั้งแรกในปี 1987
4. แรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดจิบิมารุโกะจัง
ในช่วงปีสุดท้ายของการเรียนมัธยมปลาย คุณโมโมโกะตั้งใจที่จะเขียนไดอะรี่ในรูปแบบของการ์ตูน แล้วหนูน้อยจอมซ่ามารุโกะจังก็ได้เกิดขึ้น โดยเรื่องราวเปิ่นๆ ที่เกิดขึ้นในจิบิมารุโกะจังนั้นก็ได้แรงบันดาลใจมาจากชีวิตของคุณโมโมโกะเอง บางตัวละครตัวในการ์ตูนก็มีฐานมาจากคนในครอบครัวและเพื่อนๆ ในชีวิตจริงของคุณโมโมโกะด้วย
5. การ์ตูน Chibi Maruko Chan ได้รับการตีพิมพ์รวม 15 เล่ม
การ์ตูนรวมเล่มจิบิมารุโกะจังได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม 1987 และมีเล่มใหม่ออกมาเรื่อยๆ ถึงเล่มที่ 14 ภายในเดือนธันวาคม 1996 เล่มที่ 15 ออกมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2003 หลังจากนั้นในปี 2007 หนังสือพิมพ์ฉบับเช้าของญี่ปุ่นหลายฉบับก็มีการตีพิมพ์การ์ตูนจิบิมารุโกะจังแบบ 4 ช่องมาเรื่อย ๆ ส่วนการ์ตูนจิบิมารุโกะจังเล่มที่ 15 ซึ่งเป็นเล่มล่าสุดได้รับการตีพิมพ์เมื่อ 15 เมษายน 2015
6. Chibi Maruko Chan ในเวอร์ชั่นแอนิเมะ
จิบิมารุโกะจังในรูปแบบการ์ตูนทีวีรุ่นแรกมีทั้งหมด 142 ตอน ได้รับการออนแอร์ทางช่องฟูจิเทเลวิชั่นตั้งแต่เดือนมกราคม 1990 จนถึงกันยายน 1992 และกลายเป็นการ์ตูนแอนิเมะยอดนิยม สามารถทำเรตติ้งได้ 39.9% ซึ่งสูงที่สุดในบรรดาการ์ตูนแอนิเมะในขณะนั้น เช่นเดียวกับเพลงประกอบการ์ตูน Odoru Ponpokorin ที่ขึ้นตอนจบการ์ตูนก็กลายเป็นเพลงการ์ตูนฮอตฮิตในช่วงนั้นขึ้นมาทันที
แอนิเมะจิบิมารุโกะจังชุดที่สอง ได้กับการออนแอร์เมื่อเดือนมกราคม 1995 ทางช่องฟูจิทีวี โดยจิบิมารุโกะจังตอนที่ 1-219 มีคุณโมโมโกะเป็นผู้วาดการ์ตูนเอง และตั้งแต่ตอน 220 เป็นต้นไป คุณโมโมโกะไม่ได้วาดแล้วแต่ยังคงดูแลให้คำปรึกษาอยู่
7. Chibi Maruko Chan เวอร์ชั่นคนแสดง
การ์ตูนจิบิมารุโกะจังเวอร์ชั่นคนแสดงหรือไลฟ์แอคชั่น มีออกมาแล้ว 3 เอพพิโซดด้วยกัน ความยาวเฉลี่ยเอพพิโซดละ 2 ชั่วโมง ออกฉายทางฟูจิวีทั้งหมดในปี 2006, 2007 และ 2013 ตามลำดับ โดยตอนแรกเป็นการจัดทำเพื่อฉลองครบรอบ 15 ปีการ์ตูนจิบิมารุโกะจังออกฉายทางทีวี
8. Chibi Maruko Chan ในโรงภาพยนตร์
การ์ตูนจิบิมารุโกะจังได้เป็นหนังการ์ตูนเช่นกัน โดยเคยลงโรงทั้งหมด 3 ครั้ง คือ Chibi Maruko-chan: Ono-kun to Sugiyama-kun ปี 1990, Chibi Maruko-chan: Watashi no suki-na uta ปี 1992 และ Chibi Maruko-chan: Itaria kara kita shounen ปี 2015
9. พิพิธภัณฑ์ Chibi Maruko-Chan Land
พิพิธภัณฑ์ Chibi Maruko-Chan Land ตั้งอยู่ที่เขตชิมิซุ จังหวัดชิซึโอกะ บ้านเกิดของคุณโมโมโกะ ซากุระ (หรือคุณมิอุระ มิกิ) ผู้ให้กำเนิดการ์ตูนจิบิมารุโกะจังนั่นเอง ด้วยความที่เรื่องราวบางส่วนในการ์ตูนเขียนขึ้นมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริงของคุณโมโมโกะ แบ็คกราวด์เรื่องราวในจิบิมารุโกะจังจึงซ้อนทับกับสถานที่หลายแห่งในชิซึโอกะด้วยนั่นเอง ที่นี่ยังเป็นพิพิธภัณฑ์มารุโกะจังเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่น หากแฟนคลับหนูน้อยจอมซ่าได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่น ก็อย่าลืมแวะไปเยี่ยมชม Chibi Maruko-Chan Land กันนะ
10. ออกฉายในไทยครั้งแรก
การ์ตูนจิบิมารุโกะจัง หรือ หนูน้อยจอมซ่า มารุโกะจัง ออกฉายในไทยครั้งแรกเมื่อปี 2541 ทางช่อง 3 เป็นการ์ตูนช่วงสี่โมงเย็นที่เด็กๆ ต้องรีบกลับบ้านมานั่งรอดูหน้าจอทุกวัน และแน่นอนว่าเพลงเปิดและปิดการ์ตูนก็กลายเป็นเพลงฮิตติดปากเด็กๆ ในยุคนั้นพอๆ กับเพลงจากการ์ตูนชินจังและอิคคิวซังเลยล่ะ แบบว่าได้ยินแล้วฮัมตามได้ทั้งเพลง แต่ถ้าให้ร้องก็าอาจมีดำน้ำนิดหน่อย ทั้งเพลงตอนการ์ตูนมา Yume Ippai เวอร์ชั่นภาษาไทยชื่อเพลง “เก็บฝัน” ความหมายดีและสดใสมากๆ และเพลงหลังการ์ตูนจบ Odoru Ponpokorin เวอร์ชั่นภาษาไทยชื่อเพลง “ชาลาลา” ที่เปิดมาต่อให้ดำน้ำตรงไหน แต่ก็ต้องร้องท่อน ชา ลา ลา ชา ลา ลา กันได้ทุกคนแน่นอน 😀
อ้างอิง: wikipedia, popflock, เฟซบุ๊ก นี่ห้องโชว์ไก่ 日本紹介, doramaworld, japantravel
You may be interested
คุณครูอวดของขวัญชิ้นประทับใจจากลูกศิษย์ตัวน้อยผู้ไม่มีอะไรจะให้..แต่ก็หามาให้จนได้
Sapparot - Dec 26, 2018คุณครูชั้นประถมในสหรัฐฯ อวดของขวัญชิ้นโดนใจที่ได้รับในช่วงเทศกาลแห่งความสุขจากลูกศิษย์ตัวน้อยที่แม้ตัวเองจะไม่มีอะไรก็ยังตั้งใจสรรหาของขวัญมาให้คุณครูจนได้ ถึงจะเป็นแค่มาร์ชเมลโลว์จากซีเรียลอาหารเช้าธรรมดา ๆ แต่เพราะว่ามีความตั้งใจของหนูอยู่เต็มเปี่ยมในนั้น มันเลยพิเศษที่สุดเลย
10 รูปยอดไลค์สูงสุดใน Instagram 2018
Sapparot - Dec 25, 201810 รูปยอดไลค์สูงสุดจาก Instagram ปี 2018 รวมแล้วมาจากคนดังระดับโลกเพียง 5 คนเท่านั้น โดยมีหนูน้อย Stromi ลูกสาว Kylie Jenner เรียกยอดไลค์กดหัวใจให้คุณแม่ได้อย่างดีเชียว
อาทิตย์และดวงจันทร์ Rose Céleste เครื่องประดับน่ารักจาก Dior
Sapparot - Dec 24, 2018Dior เผยโฉมแอคเซสซอรี่ชิ้นใหม่ Rose Céleste จี้กลมรูปพระอาทิตย์-พระจันทร์ งานแฮนด์เมดสุดปราณีตจากทองคำและเปลือกหอยมุก