ออสซี่เชิญชวนคนในประเทศล่า-กินเนื้อจิงโจ้ หลังประชากรจิงโจ้เพิ่มมากเกิน

รัฐบาลออสเตรเลียเชิญชวนให้ประชาชนล่าและหันมากินเนื้อจิงโจ้ เพื่อแก้ปัญหาประชากรจิงโจ้ล้นประเทศ หลังสัตว์ประจำประเทศเพิ่มจำนวนรวดเร็วเป็นเท่าตัวในชั่ว 10 ปีที่ผ่านมา

ข้อมูลจากรัฐบาลออสเตรเลียชี้ให้เห็นว่า ประชากรจิงโจ้ในปัจจุบันใกล้แตะ 50 ล้านตัวแล้ว เทียบกับเมื่อปี 2008 ที่มีอยู่ราว 25 ล้านตัว และเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรในประเทศออสเตรเลียในปัจจุบันที่มีอยู่ 24.13 ล้านคน ก็เรียกได้ว่าจำนวนจิงโจ้แซงหน้าไปแบบไม่เห็นฝุ่นแล้ว

จากสถิติที่บันทึก ออสเตรเลียมีประชากรจิงโจ้ในช่วงปี 2006-2007 ซึ่งเป็นปีที่ประเทศเผชิญภัยแล้ง อยู่ราว 23 ล้านตัว จากนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 25 ล้านตัวในปี 2008 เพิ่มอีกเป็น 27 ล้านตัวเมื่อปี 2010 และกระโดดขึ้นเป็น 34 ล้านตัวภายในปี 2011 จนในปี 2016 มีจำนวนประชากร 45 ล้านตัว และใกล้จะทะลุ 50 ล้านตัวแล้วในปัจจุบัน

การเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วของประชากรจิงโจ้เกิดเนื่องมาจากความอุดมสมบูรณ์ของอาหาร อันได้แก่ หญ้าและพืชพันธุ์ต่างๆ ที่เติบโตได้ดีในในช่วงสิบปีที่ผ่านมาเหตุเพราะมีฝนสมบูรณ์ ส่วนหนึ่งยังเป็นอิทธิพลจากปรากฏการณ์ลานีญ่าในปี 2011

รายงานจากกรมธรรมชาติและความยั่งยืนรัฐวิคตอเรีย ชี้ว่า จิงโจ้จัดเป็นสัตว์ตัวก่อกวนประจำชาติ พวกมันทำลายรั้ว เหยียบย่ำพืชผลการเกษตร ตลอดจนแย่งชิงอาหารและน้ำ

แกรี่ แฮนนิแกน เจ้าของฟาร์มแกะออร์แกนิกแห่งหนึ่งในรัฐนิวเซาท์เวลส์ เผยว่า สาเหตุหนึ่งที่ประชากรจิงโจ้เพิ่มขึ้นพรวดพราดเป็นเพราะขาดแรงกระตุ้นมากพอให้ประชาชนล่าจิงโจ้ แต่เขาคาดว่าหากออสเตรเลียต้องเผชิญสภาพแล้งฝนในหน้าร้อนนี้ คงทำให้ประชากรจิงโจ้ลดลงได้หลายล้านตัว

ด้านรองศาสตรจารย์เดวิด พาตัน จากมหาวิทยาลัยแอดิเลด พูดถึงประเด็นนี้ว่า นี่ไม่ใช่ความผิดของจิงโจ้ แต่เป็นความผิดของมนุษย์ที่ไม่ได้ควบคุมจำนวนประชากรจิงโจ้อย่างเข้มงวดแต่ต้น เขาสนับสนุนให้มีการล่าจิงโจ้ด้วยวิธีการอันมีมนุษยธรรม และสนับสนุนการบริโภคเนื้อของมัน เราจำเป็นต้องลดประชากรจิงโจ้ และตองหาทางรองรับและใช้ประโยชน์จากซากของมันหลังถูกล่าด้วย

ที่มา: news.com.au
ภาพ: AndyLeungHK/pixabay