ฟิลิปปินส์วุ่น ประกาศกฎอัยการศึก หลังกลุ่มติดอาวุธฝักใฝ่ IS โจมตีเมืองมาราวี

กลุ่มติดอาวุธฝักใฝ่ IS บุกโจมตีเมืองมาราวี ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ กราดยิงใส่บ้านเรือน-สถานที่ราชการ ชักธง IS เจ้าหน้าที่ส่งกำลังปะทะ เจ็บทั้งสองฝ่าย ดูเตอเตร์ประกาศใช้กฎอัยการศึก

เกิดเหตุุรุนแรงขึ้นในเมืองมาราวี จังหวัดลาเนาเดลซูร์ บนเกาะมินดาเนาทางตอนใต้ของประเทศ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 23 พฤษภาคม 25670 หลังมีชาวบ้านแจ้งขอความช่วยเหลือหลังพบกลุ่มติดอาวุธเข้ามาในหมู่บ้าน เจ้าหน้าทหารพร้อมตำรวจหน่วยรบพิเศษลงพื้นที่ และเกิดการยิงปะทะกับคนร้าย ซึ่งถูกระบุว่าเป็นกลุ่มหัวรุนแรงมาอูเต (Maute) ที่ฝักใฝ่ IS ผลจากการปะทะเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตอย่างน้อย 1 นาย ทหารบาดเจ็บ 8 นาย บัดนี้ทางการสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว

โฆษกกองพลทหารราบที่ 1 ซึ่งเป็นฝ่ายรับแจ้งเหตุ ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นพบว่ากลุ่มติดอาวุธนี้มี 15 คน โดยมีนายอิสนิลอน ฮาปิลอน หัวหน้ากลุ่มอาบูไซยาฟเป็นหนึ่งในนั้นด้วย ด้านรายงานท้องถิ่นเผยว่า พบเห็นกลุ่มติดอาวุธแต่งกายคล้ายนักรบ IS เดินไปตามหมู่บ้าน กราดยิงใส่บ้านเรือนประชาชนและสถานที่ราชการ บุกยึดโรงพยาบาลและปักธงสีดำที่มีสัญลักษณ์กลุ่ม IS ไว้ที่ดาดฟ้า โดยชาวบ้านระบุว่า ก่อนหน้านี้ไม่มีสัญญาณใด ๆ บ่งว่าจะเกิดเหตุรุนแรงขึ้น บริเวณรอบ ๆ ไม่มีการตั้งด่านตรวจด้วยซ้ำ

ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างภาพกิจเยือนรัสเซีย ต้องเดินทางกลับประเทศก่อนกำหนดเพื่อบัญชาการและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ได้สั่งประกาศใช้กฎอัยการศึกบนเกาะมินดาเนาเป็นเวลา 60 วัน

ภายหลังการปะทะสิ้นสุด กองกำลังรักษาความมั่นคงฟิลิปปินส์แถลงว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว พร้อมย้ำว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุไม่ใช่ IS แต่เป็นกลุ่มหัวรุนแแรงภายในประเทศ พร้อมระบุว่าข่าวลือที่ว่ากลุ่มหัวรุนแรงบุกยึดโรงพยาบาลและมีการจับตัวประกันนั้นไม่เป็นความจริง พร้อมกันนี้ยังขอให้ประชาชนใช้สื่อโซเชียลมีเดียอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะเรื่องการเคลื่อนไหวของกองทัพและการปลุกปั่นชวนเชื่อของกลุ่มคนร้าย

ทั้งนี้ พื้นที่ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์เผชิญปัญหาความปั่นป่วนจากกลุ่มมุสลิมติดอาวุธหัวรุนแรงมาต่อเนื่อง โดยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานายดูเตอร์เตได้ขอความร่วมมือจากบรรดานายกเทศมนตรีในการแก้ไขสถานการณ์ ทั้งยังขู่จะใช้กฎอัยการศึกหากจัดการปัญหาไม่ได้ อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็ได้ประกาศกร้าวว่าจะไม่สนใจเรื่องสิทธิมนุษยชนใด ๆ หากสถานการณ์ขัดแย้งในตะวันออกกลางมากระตุ้นกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงให้ก่อเหตุสร้างความปั่นป่วนในประเทศของตน

what the hell is going on #PrayForMarawi #manchester pic.twitter.com/T7EEI72mdr

— somebody to love (@LYRICSHARRY94) May 23, 2017

ที่มา: independent, cnnphilippines, philstar, เฟซบุ๊ก Armed Forces of the Philippines
ภาพ: เฟซบุ๊ก Chico Dimaro Usman