UPSTARTS: Grilled Sandwich เนื้อนุ่มชุ่มชีสที่ Holy Cheese

กระแส Food Truck และ Flea Market ที่ถาโถมเข้ามาในช่วงปีนี้ทำให้เราได้พบกับนักธุรกิจหน้าใหม่มากมาย โดยเฉพาะกับพวกเครื่องดื่มในบรรจุภัณฑ์เก๋ๆ หรือ Fast food ที่แปลงร่างมาขายบนรถเข็น ก็สามารถเพิ่มมูลค่าได้มากมายเพียงแค่ใส่ไอเดียใหม่ๆ ลงไป จากนั้นก็สุดแล้วแต่เจ้าของธุรกิจไซส์เล็กเหล่านี้จะต่อยอดธุรกิจไปทางไหน

“Holy Cheese” เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เราว่าน่าจับตามอง เพราะการเปิดบูธขาย Grilled Cheese Sandwich ของพวกเขาเพียงแค่ 4 เดือน แต่สามารถสร้างรายได้จำนวนมาก จนกระทั่งหุ้นส่วนทั้ง 3 สามารถเปิดร้านอย่างเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาได้ถือว่าไม่ธรรมดา

หน้าร้านสีเหลืองสดใส   

“เราเริ่มออกบูธตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้วเพื่อทดลองตลาดว่ามีคนสนใจมั้ย ทำแล้วมีคนซื้อมั้ย ซึ่งฟีดแบ็คค่อนข้างโอเคเลย แต่เหมือนครั้งแรกเรายังคิดว่า เห้ย! มันฟลุ๊ครึเปล่า อีเวนต์นั้นของกินน้อย คนเลยไม่รู้จะกินอะไรเลยมาร้านเรารึเปล่า ต่อจากนั้นก็ออกอีเว้นต์อีกประมาณ 4 ครั้ง ฟีดแบ็กมันโอเค อยู่ตัว เราเลยรู้สึกว่าพร้อมสำหรับการเปิดร้านแล้วล่ะ โชคดีได้มาเจอที่ตรงนี้ ซึ่งก็เปิดเป็นร้านจริงๆ จังๆ ได้ประมาณ 4 เดือนแล้ว แต่เราก็ยังมีออกบูธเดือนละครั้ง เพื่อโปรโมตให้คนรู้จักมากขึ้น”

จากหุ้นส่วน 3 คน กัณฐาภรณ์ สุบรรณ ณ อยุธยา, กีรติ อาภรณ์รัตน์ และสิทธิพร ญาณวรุตม์วงศ์ ที่เป็นเพื่อนรักชอบกินชอบเที่ยวด้วยกัน วันนึงนึกครึ้มอกครึ้มใจชักชวนกันมาเปิดร้านในฝันเล็กๆ สักร้าน เพราะอยากลองทำในสิ่งที่ตัวเองชอบร่วมกัน และอยากมีเวลาได้อยู่ร่วมกัน

แซนวิชร้อนๆ อบใหม่จากเตา

“พอมันเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง พวกเราก็มานั่งคิดกันจริงจังว่าจะขายอะไร เพราะตอนแรกไม่รู้จะขายอะไรด้วยซ้ำ รู้แต่อยากขายของกิน ไอเดียเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายรอบมาก ทั้งแพนเค้ก มัฟฟิน ขนมปัง แต่ส่วนมากจะเน้นเป็นแนวอาหารฝรั่งเยอะหน่อย แต่ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ก็เลยลองทำกันดูเลยดีกว่า ว่าอันไหนทำแล้วอร่อย แพนเค้กก็เฉยๆ มัฟฟินก็ยังไม่โดน ก็ลองไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาทำ Grilled Cheese Sandwich แล้วทุกคนรู้สึกว่ามันโอเค อร่อยดีอ่ะ ก็ตกลงมาเอาอันนี้ล่ะ ก็คิดสูตร พัฒนากันจริงจัง”

เมื่อความสนุกในสเต็ปแรกของคนทั้งสามในการคิดว่าจะขายอะไรผ่านไป ต่อมาคือการทดลองสูตรให้อร่อยถูกปาก ด้วยความที่ Grilled Cheese Sandwich ยังไม่ค่อยมีตลาดในเมืองไทย ทั้งสามจึงต้องลงมือทำด้วยตัวเองและชิมซ้ำๆ ปรับสูตรเรื่อยๆ จนกระทั่งรสชาติออกมาในแบบที่พวกเขาชอบและคิดว่าคนไทยจะชอบ

กัณฐาภรณ์ สุบรรณ ณ อยุธยา และสิทธิพร ญาณวรุตม์วงศ์ 2 ใน 3 หุ้นส่วนร้าน  

“สูตรก็ลองผิดลองถูกกันด้วยตัวเองค่ะ ไม่อร่อยก็ทำใหม่ คิดใหม่ จริงๆ พวกเรา 3 คน ไม่มีใครเชี่ยวชาญด้านการทำอาหารเลย แต่ละคนมีสกิลแค่พอทำได้ แต่เพื่อนคนนึงที่เป็นวิศวกร คนนี้เค้าจะชอบทำอาหารก็ไปลงเรียนที่ดุสิตฯ มาคอร์สนึง เลยช่วยได้เยอะ คือเมนูที่คิดออกมาพวกเราลองทำด้วยความชอบล้วนๆ เลย”

“เมนู Grilled Cheese Sandwich ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่ามันคือชีสย่าง ก็ต้องขายที่ชีสเป็นหลัก ซึ่งเราก็มีหน้าที่ไปศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีชีสอะไรบ้าง ซึ่งทั่วโลกเนี่ยมันมีชีสเยอะมาก เราก็อยากจะใช้ชีสให้มากที่สุด แต่เนื่องจากคนไทยอาจจะยังไม่คุ้นชินกับชีสแปลกๆ เราเลยเลือกแค่ตัวที่คนไทยคุ้นเคยอยู่แล้ว เช่น mozzarella cheese, parmesan cheese และ cheddar cheese ซึ่งเป็นตัวที่กินง่าย และรสชาติไม่ได้จัดเกินไป”

ส่วนคอนเซปต์หลักของที่นี่ ทางร้านบอกว่า “ทำเมื่อสั่งเท่านั้น รับประกันสดใหม่ทุกชิ้น” เพื่อคงความอร่อยเพราะต้องทานตอนร้อนๆ ส่วนจุดขายก็คงต้องยกให้ชีสเป็นพระเอกอยู่แล้ว แต่ใช่ว่าส่วนประกอบอื่นๆ จะไม่สำคัญ อย่างขนมปัง เนื้อ ก็เลือกใช้แต่ของมีคุณภาพ ส่วนซอสที่นี่ก็คิดสูตรเองเพื่อให้เข้ากับ Grilled Cheese Sandwich

สั่งแล้วลงมือทำกันแบบสดใหม่

“จุดขายหลักๆ คือเรื่องของชีสที่ร้านเราให้เยอะมาก ถ้าเทียบกับเบอร์เกอร์ปกติที่จะให้ชีส 1 แผ่น แต่ของเราในทุกเมนูจะใส่ชีสหลักๆ อยู่ 2 แผ่น 2 อย่าง แล้วเราก็จะไม่ใช้ processed cheese ที่ขายแบบห่อมาเป็นแผ่นๆ แล้ว แต่เราจะใช้ชีสก้อนใหญ่นำเข้าจากอเมริกาแล้วมาสไลด์กันเอง ต่อมาคือขนมปังเราจะใช้ขนมปังเชียบัตตา (ciabatta bread) ซึ่งเป็นขนมปังแฮนด์เมด ตัวขนมปังมันจะนิ่ม พอเอาไปอบจะได้รสสัมผัสที่กรอบนอกนุ่มใน”

ไอเดียเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่อีกอย่างหนึ่งคือการตั้งชื่อของทางร้านที่อิงจากคำอุทานในภาษาอังกฤษ เอามาเปลี่ยนสักเล็กน้อยให้ดูสุภาพและเกี่ยวกับของกินมากขึ้น อย่างชื่อร้าน Holy Cheese ทางร้านก็อธิบายว่าฟังแล้วขำดี อีกอย่างคือจำง่าย ส่วนชื่อเมนูที่เหลือก็เก๋ไก๋ไม่แพ้กัน

ประเดิมกันด้วยชิ้นที่ขายดีที่สุด Son of the beef (160 บาท) ความพิเศษของมันคือแผ่นเนื้อสไลด์ต่างจากที่อื่น ซึ่งมักจะใช้เนื้อบดสับ ผสมมัน ผสมเอ็นเข้าไป ปั้นเป็นก้อน แต่ทางร้านมองว่าการทานแบบนั้นอาจทำให้เสียรสชาติความเป็นเนื้อไป เลยใช้เนื้อแบบสไลด์ให้รู้สึกถึงเนื้อแท้ๆ ไปเลย แซนวิชชิ้นนี้จึงเหมาะสำหรับคนชอบทานเนื้อไปแบบเต็มสิบ

เห็นแล้วต้องอุทานว่า Oh, my pork 

ตัวรองลงมาที่ขายดีไม่แพ้กัน Oh, my pork (150 บาท) เนื้อด้านในเป็นบาร์บีคิวพูลพอร์ค (การทำให้เนื้อหมูสุกด้วยความร้อนต่ำ แต่ใช้ระยะเวลาในการทำนาน) ตัวเนื้อหมูใส่เครื่องเทศผสมลงไปให้ได้รสชาติของความเป็นเอเชียนิดนึง ซึ่งพูลพอร์คแต่ละชิ้นของที่นี่ต้องใช้เวลาปรุงถึง 8 ชั่วโมง เพื่อให้ได้รสชาติออกมาลงตัวถูกปากมากที่สุด

สุดท้ายคือเมนูซิกเนเจอร์ที่ใช้ชื่อเดียวกับชื่อร้าน Wholly cheese (140 บาท) คนรักชีสจะได้ลิ้มชิมชีสแน่นๆ 3 อย่าง 3 แผ่น ราดด้วย Signature Sauce ที่ทางร้านคิดสูตรขึ้นเอง เป็นซอส Spicy creamy เผ็ดๆ นิดนึง แล้วก็จะมีรสเปรี้ยวเข้ามาแทรก ช่วยตัดรสชาติไม่ให้เลี่ยน

ชิ้นใหญ่คำโต แค่นี้ก็อิ่มแล้ว   

นอกจากนี้ ยังมีเมนูน่าลองอย่าง กิมจิเบคอน ที่เป็นเมนูฟิวชั่น ใช้รสจัดของกิมจิเข้าไปตัดกับรสชาติชีส เติมเต็มความอร่อย ด้วยความที่เบคอนกับชีสเข้ากันได้อยู่แล้ว พอใส่ซอสโคชูจังก็จะได้รสชาติแปลกไปอีกแบบ

ชีสเยิ้มๆ บนขนมปังอบกรอบ กับเนื้อชิ้นชุ่มๆ เต็มคำ ถึงจะไม่ใช่คนรักชีส ก็ต้องยอมแพ้ Oh, Holy Cheese!

FIND IT:
Holy Cheese
17.30 – 23.00 น. 
เปิดร้านทุกวันพุธ ถึงวันอาทิตย์ 
ตลาดนัดรถไฟ รัชดา (ด้านหลังเอสพลานาด)
Tel. 091-514-2922

    ภาพ: ภาณุพันธ์ วีรวภูษิต

Upstarts: ล้วงเคล็ดลับความสำเร็จของแบรนด์ธุรกิจอินเทรนด์ ชวนกระตุกไอเดียต่อยอดอีกมากมาย
มีธุรกิจใดน่าสนใจไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก ส่งมาบอกเราได้ที่ [email protected]