New Release: ความสามารถที่ซ่อนอยู่ใน ‘เพลงรักสามฤดู’ ของบี-พีระพัฒน์
ระยะเวลากว่า 10 ปีบนเส้นทางนักร้องและนักแต่งเพลงของ “บี-พีระพัฒน์ เถรว่อง” ได้พิสูจน์ฝีมือจนไร้ข้อกังขาใดๆ ว่าเขาคือหนึ่งในผู้ชายที่ร้องเพลงโรแมนติกได้ตรึงตราใจทุกครั้งที่ได้ยิน ‘คงจะมีรักจริงรออยู่ที่ดินแดนใดสักแห่ง…’ ยังคงทำให้เรารู้สึกต้องมนตร์อย่างไม่เสื่อมคลาย
วันนี้ อดีตนักร้องนำวง Crescendo ได้รับโอกาสยิ่งใหญ่กับบทบาทชายชาติทหารผู้ประสบชะตากรรมรักสามเส้าในละครเวที ‘เพลงรักสามฤดู’ จากความรักที่ผลิบานท่ามกลางสงครามเกาหลี มาจนถึงรักที่ถูกบังคับใจด้วยอำนาจ บทสรุปความรักครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ความท้าทายของบีในการเล่นมิวสิคัลครั้งนี้จะยากขนาดไหน มาฟังจากปากคำของผู้ชายแสนโรแมนติกคนนี้ไปพร้อมๆ กัน
ละครเวที “เพลงรักสามฤดู” เรี่องราวเป็นอย่างไร
ความรักของร้อยโทชาติชายเป็นแบบไหน
ตัวละครของร้อยโทชาติชายจะเป็นคนมีระเบียบวินัยด้วยความเป็นทหาร และก็เป็นทหารที่เก่งจนได้รับเหรียญกล้าหาญ แต่เค้าเป็นคนที่แข็งนอกอ่อนใน ดูภายนอกก็เป็นผู้ชายแมนๆ อกสามศอก แต่ข้างในใจเป็นคนโรแมนติก เป็นคนทุ่มเทให้ความรัก รักใครรักจริงและรักคนเดียวไปตลอดชีวิต
บทบาทนี้แตกต่างจากชีวิตจริงของบีอย่างไรบ้าง
ก็มีทั้งบางส่วนที่เหมือนกันและบางส่วนที่ต่างกัน เช่นเรื่องความรู้สึก ผมก็เป็นคนหนึ่งที่บูชาความรัก ด้วยคำสอนจากศาสนาคริสต์และอะไรหลายๆ อย่าง ก็หล่อหลอมให้เรามองความรักเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ต่อมาคือเป็นคนที่มีระเบียบวินัยเหมือนกัน ถ้าผมวางของไว้ตรงไหน ห้ามย้าย เพราะผมจำได้หมด และผมก็เป็นนักดนตรีที่ค่อนข้างมีกฎเกณฑ์ ตรงต่อเวลา มีวินัยในการฝึกซ้อม ตรงนี้ก็เหมือนทหารอยู่ เพียงแต่ว่าสิ่งที่ไม่เหมือนคือการพูดจา น้ำเสียงที่ใช้ ผมเป็นนักร้องก็จะใช้น้ำเสียงเฮฮาสนุกสนาน แต่พอมาเป็นทหารในเรื่องปุ๊บเราไม่สามารถพูดแบบนั้นได้เลย
ถ้าเกิดตกอยู่ในสถานการณ์รักสามเส้าเหมือนตัวละครจะแก้ไขอย่างไร
ผมหนีเลยนะ ถ้าผมจะต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก นี่คือความคิดของบี-พีระพัฒน์นะ ผมเลือกคนที่ผมรักแน่นอน ไม่มีทางเลย ไม่มีใครในโลกบังคับผมได้ในเรื่องนี้ ตายก็ยอม ฆ่าผมไปเถอะถ้าจะบังคับให้ผมแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก
ทำไมถึงรับเล่นละครเวทีเรื่องนี้
จริงๆ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ผมเคยเล่นละครเวทีเรื่องหนึ่งคือ ‘รักเธอเสมอ’ ตอนนั้นก็คิดว่าคงจะไม่รับเล่นอีกแล้ว เพราะว่ามันเหนื่อย ถ้าเทียบกับการร้องเพลงนะ มันเป็นอะไรที่กินเวลามาก แล้วก็ต้องเกี่ยวข้องกับคนเยอะมากเต็มไปหมด เราต้องเข้าไปทำงานในกฎเกณฑ์ของคนอื่น ทั้งผู้กำกับ ผู้เขียนบท ตัวละคร แต่มันก็เป็นการฝึกตัวเองอย่างนึง ให้เราเรียนรู้ชีวิต รู้จักปรับตัวเพื่อให้เข้ากับกฎเกณฑ์ในโลกของคนอื่นด้วย
อีกอย่างคือบทท้าทายมาก ตอนแรกก็คิดนะว่าเราจะเล่นได้มั้ย ต้องใส่ชุดทหาร ต้องดราม่าหนักมากที่สุดในชีวิตแล้ว แต่พอมานั่งคิดอีกที โอกาสแบบนี้ก็ไม่ได้มีมาบ่อยๆ นะ เราก็อยากลองดู ผมร้องเพลงมา 17 ปีก็คิดว่ารู้หมดแล้วนะ เลยอยากขยับไปลองศาสตร์ด้านอื่นๆ บ้าง เพื่อเอามาปรับใช้กับการร้องเพลง เป็นการเติมประสบการณ์ตัวเอง
ต้องเล่นบทดราม่าหนักสุดๆ รู้สึกกดดันบ้างไหม
มากครับ เครียดมากด้วย ตอนแรกคิดหนักเลยว่าจะเล่นไม่ได้ แต่ภรรยาผมให้กำลังใจว่า คนที่เค้าเลือกมาเค้ารู้ว่าเราเล่นได้อยู่แล้ว ถ้าเล่นไม่ได้เค้าไม่เลือกเรามาหรอก เราก็โอเค ทำให้เต็มที่ ทำให้ดีที่สุด จากนั้นก็หายเครียด พอมาถึงซีนจริงๆ เล่นไปเล่นมาก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น ยิ่งมีประสบการณ์จากเรื่องที่แล้ว เหมือนเรามีพื้นฐานก็ช่วยย่อระยะทางในการทำงานมากขึ้น ทีมงานเองก็เก่งทุกคน หนูนานี่เป็นคนมหัศจรรย์คนนึงเลยล่ะ
ก่อนจะเข้ามาฝึกซ้อมการแสดง ต้องเตรียมตัวทำการบ้านอะไรบ้าง
ต้องดูซีรีส์หนังสงคราม เพื่อให้รู้ว่าความคิดของตัวละครที่อยู่ในสงครามว่าเป็นยังไง คิดอะไรถึงได้ไปรบ การถือปืนไปไล่ฆ่าคนแล้วเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงด้วยแปลว่าอะไร คือเค้าไม่ได้คิดถึงตัวเองแล้วไง คนที่ไปรบเค้าคิดถึงเรื่องที่ใหญ่กว่านั้น นึกถึงประเทศชาติ หน้าที่ อุดมการณ์ ซึ่งก่อนที่จะเข้าซีนเราต้องคิดแบบนี้ให้ได้ก่อน
ประทับใจอะไรในตัวสองสาวมากความสามารถ หนูนาและแนน-สาธิดาบ้าง
เริ่มที่น้องแนนก่อน เสียงเค้าเพราะมาก ผมเคยดูเขาแสดงเรื่อง ‘โหมโรง’ ก็ชื่นชมเค้าว่าเสียงเพราะมาตั้งแต่ตอนนั้น พอมาทำงานด้วยกันก็ยิ่งประทับใจ มีมุมรั่วๆ ที่เรานึกไม่ถึง ก็ขัดกับเสียงหวานๆ ตลกดี โอกาสหน้าก็อยากร่วมงานกันอีก
ส่วนน้องหนูนาเป็นผู้หญิงมหัศจรรย์คนนึง ผมรู้ว่าเค้าเก่ง แต่ไม่คิดว่าเก่งขนาดนี้ แล้วเค้าก็เป็นคนมีวินัยสูงมาก ตั้งใจมาก ไฮเปอร์ตลอดเวลา เป็นคนน่ารัก ใครๆ ก็รักเค้า เข้ากับทุกคนได้หมด เค้าเป็นมากกว่าที่ผมคิด และมากกว่าที่คนเห็นในทีวีด้วย
สุดท้าย ละครเวทีเรื่องนี้อยากสื่อสารอะไรกับคนดูบ้าง
ประเด็นหลักคือเรื่องของความรัก ไม่ว่ามันจะอยู่ตรงไหน บ้านเมืองจะระส่ำระส่ายยังไง สงครามการต่อสู้ ความรักก็ยังคงงดงามเสมอ อีกเรื่องคืออำนาจ มันไม่มีอะไรดีเลย มีแต่ไดรฟ์คนเข้าไปทำในสิ่งที่เค้าไม่อยากทำ ใช้อำนาจบังคับคนอื่น ไม่อยากฆ่าคนก็ต้องฆ่าคน ไม่อยากโกงก็ต้องโกง เพราะคำว่าอำนาจคำเดียวเลย สุดท้ายคือเรื่องของสงคราม หนังทุกเรื่องที่สร้างๆ กันมา พยายามพูดหมดเลยว่าสงครามไม่ได้ให้อะไรกับคุณหรือใครเลย มีแต่ทำลาย เป็นชัยชนะบนซากปรักหักพัง
NEW RELEASE: พูดคุยกับศิลปินที่มีผลงานใหม่น่าจับตามอง สำรวจความคิดเบื้องหลังและทัศนคติดีๆ ที่จะเปลี่ยนมุมมองบางอย่างกับคุณ
มีใครน่าสนใจหรืออยากให้สัมภาษณ์ใคร ส่งมาบอกเราได้ที่ [email protected]
You may be interested
คุณครูอวดของขวัญชิ้นประทับใจจากลูกศิษย์ตัวน้อยผู้ไม่มีอะไรจะให้..แต่ก็หามาให้จนได้
Sapparot - Dec 26, 2018คุณครูชั้นประถมในสหรัฐฯ อวดของขวัญชิ้นโดนใจที่ได้รับในช่วงเทศกาลแห่งความสุขจากลูกศิษย์ตัวน้อยที่แม้ตัวเองจะไม่มีอะไรก็ยังตั้งใจสรรหาของขวัญมาให้คุณครูจนได้ ถึงจะเป็นแค่มาร์ชเมลโลว์จากซีเรียลอาหารเช้าธรรมดา ๆ แต่เพราะว่ามีความตั้งใจของหนูอยู่เต็มเปี่ยมในนั้น มันเลยพิเศษที่สุดเลย
10 รูปยอดไลค์สูงสุดใน Instagram 2018
Sapparot - Dec 25, 201810 รูปยอดไลค์สูงสุดจาก Instagram ปี 2018 รวมแล้วมาจากคนดังระดับโลกเพียง 5 คนเท่านั้น โดยมีหนูน้อย Stromi ลูกสาว Kylie Jenner เรียกยอดไลค์กดหัวใจให้คุณแม่ได้อย่างดีเชียว
อาทิตย์และดวงจันทร์ Rose Céleste เครื่องประดับน่ารักจาก Dior
Sapparot - Dec 24, 2018Dior เผยโฉมแอคเซสซอรี่ชิ้นใหม่ Rose Céleste จี้กลมรูปพระอาทิตย์-พระจันทร์ งานแฮนด์เมดสุดปราณีตจากทองคำและเปลือกหอยมุก