สมุดบันทึกจากแม่..ผู้ไม่อาจเลี้ยงดูลูกสาว ตัวแทนความผูกพันจากหัวใจ จนวันได้หวนพบกันเกิดขึ้นจริง
เรื่องจริงจากคุณแม่ผู้ตัดใจยกลูกสาวให้ครอบครัวที่พร้อมกว่ารับไปดูแลตั้งแต่แรกเกิด พร้อมสมุดบันทึกหนึ่งเล่ม เขียนความในใจจากแม่ผู้ไม่อาจเลี้ยงดู หวังให้ลูกได้เปิดอ่านข้อความข้างในในวันที่เธอเติบใหญ่และเกิดสงสัย ทำไมแม่ถึงยกหนูให้คนอื่น และสุดท้ายมันได้นำพาสองแม่ลูกกลับมาพบกันอีกครั้งด้วยความรักและความเข้าใจ
เอเดรียน คอลลินส์ (Adrian Collins) นักเขียนชาวอเมริกันและคุณแม่ลูก 5 จากรัฐโคโรลาโด ถ่ายทอดเรื่องราวจริงที่เกิดขึ้นกับตนเองเมื่อครั้งที่ต้องทำการตัดสินใจที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตในตอนที่ตั้งครรภ์ครั้งแรก ให้กับเว็บไซต์ Today
หลังจากทบทวนใคร่ครวญมาเป็นเวลานาน การมีชีวิตน้อยๆ เพิ่มขึ้นมาในขณะที่ชีวิตกำลังโดดเดี่ยว ต้องเผชิญความไม่มั่นคงและไร้ที่ยึดเหนี่ยว เธอคิดว่ามันไม่เกิดผลดีกับฝ่ายใด โดยเฉพาะกับลูกสาวตัวน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลก ที่สุดแล้วเอเดรียนจึงตัดสินใจที่จะมอบลูกสาวให้ครอบครัวที่พร้อมกว่าและต้องการมีบุตรรับไปดูแลแทน
ในช่วงหลายวันก่อนคลอด เอเดรียนได้เรียบเรียงถ้อยคำที่ต้องการจะบอกแก่ลูกสาว เขียนมันไว้ในหน้าสุดท้ายของสมุดบันทึกเล่มย่อม ในนั้นมีรูปของเธอเองตอนเป็นทารก รูปสมัยประถม รูปตอนเรียนเปียโนคลาสแรก รูปสมัยมัธยม รูปตอนเธอเป็นกัปตันสีงานพาเหรดที่โรงเรียน รูปตอนงานพรอม รูปสมัยเรียนวิทยาลัย และในหน้าสุดท้ายคือข้อความที่เธอลังเลอยู่นานก่อนที่จะจรดปากกาลงไป
“ในวันที่ลูกโตขึ้นและถามพ่อแม่บุญธรรมของเธอว่า ทำไมฉันถึงยกเธอให้พวกเขา ฉันอยากให้ลูกได้อ่านถ้อยคำเหล่านี้ ความในใจที่อัดแน่นยุ่งเหยิงจนยากจะเรียบเรียงออกมา”
ถึงลูกสาวของแม่
แม่รักหนูนะลูก
แม่ปรารถนาที่จะได้อยู่กับหนู แต่แม่ทำไม่ได้
แม่ไม่อาจมอบให้ในสิ่งที่ลูกสมควรได้รับ
แม่ไม่อาจเป็นแม่ที่ดีได้อย่างที่หวังไว้ เพื่อให้ลูกได้มีชีวิตที่ดีกว่า
หนูจะอยู่ในหัวใจของแม่เสมอ
แม่หวังว่าหนูจะให้อภัย
และหวังว่าสักวันเราจะได้พบกันรักลูกนะ จากแม่ผู้ให้กำเนิดหนู
และแล้ววันที่ลูกสาวน้อยๆ ถือกำเนิดก็มาถึง เอเดรียนได้ยินเสียงทารกร้องไห้จ้า พยาบาลอุ้มทารกน้อยมาให้เธอดูหน้า เอเดรียนบรรจงจุมพิตที่หน้าผากเล็กๆ กระซิบบอกแผ่วเบา “แม่รักหนูเสมอนะลูกรัก” นั่นเป็นคำแรกที่เอื้อนเอ่ยและคำสุดท้ายที่บอกลาก่อนที่ทารกน้อยจะถูกเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์พาตัวไปพบกับครอบครัวใหม่ ทารกน้อยๆ อยู่ในตะกร้าเด็กอ่อน และที่ซุกไว้ด้านข้างคือสมุดบันทึกอันแสนมีค่าที่เอเดรียนตั้งใจมอบให้ลูกสาวของเธอ
หลายวันล่วง หลายสัปดาห์พ้นผ่าน จนเป็นเดือน เป็นปี และหลายปี เอเดรียนตั้งหลักในชีวิตได้แล้ว เธอมีครอบครัวที่อบอุ่นกับสามีคนปัจจุบันและลูกชายอีก 4 คน ที่มีทั้งลูกชายแท้ๆ และลูกชายบุญธรรม แต่ในทุกขณะเอเดรียนไม่สามารถหยุดคิดถึงลูกสาวตัวน้อยของเธอได้ เธอได้แต่คิดว่าหากยังอยู่ด้วยกันเธอคงได้เห็นลูกสาวย่างเดินก้าวแรก ได้ถักเปียให้ ได้ตัดเล็บให้ลูก
“ฉันอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าสมุดบันทึกเล่มนั้นจะถูกเปิดอ่านบ้างไหม หรือจะถูกวางลืมทิ้งไว้จนฝุ่นจับ…ในขณะที่ฉันได้ทำหน้าที่แม่ให้เด็กๆ ฉันก็รู้สึกเสมอว่าลูกฉันคนหนึ่งได้หายไป”
และแล้วในวันหนึ่งของฤดูใบไม้ผลิ 12 ปีหลังจากการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิต โทรศัพท์ที่บ้านดังขึ้น เอเดรียนรับสาย เสียงเล็กๆ ที่ปลายสายนั้นฟังดูคุ้นเคย มันช่างเหมือนกับเสียงของเธอตอนที่ยังเป็นเด็ก และใช่จริงๆ เป็นลูกสาวของเธอเองที่โทรมา สาวน้อยในวัย 12 ปีรับรู้เรื่องราวของตัวเองที่เกิดขึ้น และระลึกถึงแม่ผู้ให้กำเนิดเธอมา เด็กหญิงขอนัดพบเพื่อจะได้เจอกันแบบเห็นหน้าค่าตา และนาทีนั้นหัวใจคนเป็นแม่อย่างเอเดรียนก็พองฟูที่สุด
ในวันแห่งการหวนพบกันครั้งแรก ในใจของเอเดรียนคิดไปต่างๆ นานา ลูกสาวของเธอจะหน้าตาเป็นอย่างไร จะรู้ไหมว่าเป็นที่รักของเธออยู่เสมอ จนนาทีที่สาวน้อยผมบลอนด์ยาว ผิวขาวสะอาด ดวงตาสีฟ้าสดใสก้าวออกมาจากรถ เอเดรียนโผเข้าสวมกอดอย่างตื่นเต้น ไล้นิ้วไปตามผมยาวของลูกอย่างรักใคร่ ได้บอกลูกจากปากเป็นครั้งแรกว่า “แม่คิดถึงหนูมาตลอดเลยลูกรัก” และเป็นครั้งแรกเช่นกันที่ได้ยินเสียงของเด็กหญิงตอบกลับอย่างน่ารัก “หนูก็คิดถึงแม่เหมือนกันค่ะ”
หลังจากแนะนำตัวลูกสาวกับสามีและน้องชายอีก 4 คนที่ดูจะตื่นเต้นดีใจกันสุดๆ ที่ได้มีพี่สาว เอเดรียนก็ได้มีเวลาอยู่กันแบบแม่ลูกสองต่อสอง บอกเล่าเรื่องราวเติมเต็มช่วงเวา 12 ปีที่ห่างจากกัน และได้ถามคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจ
“ลูกได้อ่านบันทึกเล่มนั้นบ้างไหมจ๊ะ?”
“หนูอ่านและเข้าใจมันทุกๆ หน้าจากหัวใจเลยค่ะแม่”
สาวน้อยของเธอยังจ้อให้ฟังว่า เธอคิดว่าเธอกับแม่ตอนเป็นทารกหน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบเลย แถมยังชอบว่ายน้ำและเต้นเหมือนกันด้วย การบอกเล่าง่ายๆ ของเด็กหญิงที่น่ารักที่สุดในชีวิตของเอเดรียนบอกเธอได้ดีว่าลูกได้อ่านและจดจำทุกอย่างในสมุดบันทึกเล่มนั้นได้จริงๆ
แม้การหวนพบกันนี้จะสิ้นสุดลงด้วยการจากลา ลูกสาวตัวน้อยของเธอกลับไปใช้ชีวิตดังเช่นที่เคยเป็นมา แต่มันก็เป็นการลากันอย่างอบอุ่นและมีความหวัง เพราะรู้ว่าจะมีโอกาสได้กลับมาพบกันใหม่อีกแน่นอน
ตอนสาวน้อยอายุ 16 ปี ครอบครัวของเอเดรียนก็ยกกันไปเยี่ยมลูกสาวคนโตที่บ้านของเธอ กินข้าวเย็นมื้อใหญ่แสนสุขสันต์ด้วยกัน พอสาวน้อยอายุ 17 เธอมาเยี่ยมเอเดรียนที่บ้าน ชวนบรรดาน้องชายลงครัวอบขนมเค้กกินกัน ภาพพี่น้องแก๊งใหญ่สนิทสนมกันเป็นภาพที่น่าชื่นใจที่สุด เมื่อสาวน้อยอายุ 18 ลูกสาวคนเก่งก็มาร่วมทริปไปเที่ยวด้วยกันแบบครอบครัวใหญ่ ทัวร์รัฐนิวออร์ลีน ทำเรื่องสนุกๆ ด้วยกัน
และปัจจุบันนี้ ลูกสาวของเธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเต็มตัวแล้ว และยังคงติดต่อกันอยู่เป็นประจำ ทั้งโทรหากัน นัดเจอกันเมื่อมีโอกาส ออกไปกินข้าว ช้อปปิ้งกันตามประสาแม่กับลูกสาว ไปดูหนัง นั่งจิบกาแฟและพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราว
“ถึงฉันจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงช่วงเวลา 12 ปีนั้นได้ แต่เราก็ได้มีและสร้างช่วงเวลาดีๆ ขึ้นด้วยกันใหม่…ฉันดีใจที่สุดที่ความรักที่ฉันถ่ายทอดลงในสมุดเล่มนั้นก่อเกิดเป็นความผูกพันในแบบที่ฉันไม่เคยจะคาดคิดถึง และในตอนนี้ฉันไม่ต้องหวังพึ่งแต่สมุดบันทึกอีกแล้ว เพราะฉันสามารถจูงมือกับลูกสาวฉันได้แล้วล่ะ”
ที่มา: Today
ภาพ: เฟซบุ๊ก Adrian Collin, Today
You may be interested
คุณครูอวดของขวัญชิ้นประทับใจจากลูกศิษย์ตัวน้อยผู้ไม่มีอะไรจะให้..แต่ก็หามาให้จนได้
Sapparot - Dec 26, 2018คุณครูชั้นประถมในสหรัฐฯ อวดของขวัญชิ้นโดนใจที่ได้รับในช่วงเทศกาลแห่งความสุขจากลูกศิษย์ตัวน้อยที่แม้ตัวเองจะไม่มีอะไรก็ยังตั้งใจสรรหาของขวัญมาให้คุณครูจนได้ ถึงจะเป็นแค่มาร์ชเมลโลว์จากซีเรียลอาหารเช้าธรรมดา ๆ แต่เพราะว่ามีความตั้งใจของหนูอยู่เต็มเปี่ยมในนั้น มันเลยพิเศษที่สุดเลย
10 รูปยอดไลค์สูงสุดใน Instagram 2018
Sapparot - Dec 25, 201810 รูปยอดไลค์สูงสุดจาก Instagram ปี 2018 รวมแล้วมาจากคนดังระดับโลกเพียง 5 คนเท่านั้น โดยมีหนูน้อย Stromi ลูกสาว Kylie Jenner เรียกยอดไลค์กดหัวใจให้คุณแม่ได้อย่างดีเชียว
อาทิตย์และดวงจันทร์ Rose Céleste เครื่องประดับน่ารักจาก Dior
Sapparot - Dec 24, 2018Dior เผยโฉมแอคเซสซอรี่ชิ้นใหม่ Rose Céleste จี้กลมรูปพระอาทิตย์-พระจันทร์ งานแฮนด์เมดสุดปราณีตจากทองคำและเปลือกหอยมุก