‘ฉันคือฝาแฝดของตัวเอง’ เรื่องราวของ Tayler Muhl นางแบบสาวผู้กลืนกินแฝดต่างไข่ไว้ในร่างกายตัวเอง

เทเลอร์ มุห์ล (Tayler Muhl) นางแบบและศิลปินสาวชาวอเมริกัน ผู้เกิดมาพร้อมรอยแบ่งสีผิวครึ่งซีกปริศนาบนร่างกาย จนได้ค้บพบเมื่อตอนโตว่านี่คือสิ่งที่ฝาแฝดซึ่งเธอไม่เคยได้เห็นหน้าฝากเอาไว้ ฝาแฝดผู้อิงแอบอยู่ในร่างกายของเธอตั้งแต่เกิดและตลอดไป 

ฟังดูเหมือนจะเป็นพล็อตนิยายสยองขวัญ แต่ในทางวิทยาศาสตร์สิ่งที่เกิดขึ้นกับเทเลอร์ มุห์ล หญิงสาวจากรัฐแคลิฟอร์เนียวัย 30 กว่าปีคนนี้ เรียกว่า “ไคเมริซึม” (Chimerism) หรือการที่ฝาแฝดเกิดการกลืนกินแฝดต่างไข่อีกใบเข้าไป อันเป็นภาวะพัฒนาการที่ผิดปกติของของไข่ที่ได้รับการผสมแล้วในระยะไซโกตขณะอยู่ในครรภ์มารดา

เทเลอร์คลอดออกมาเป็นทารกเพศหญิงที่แข็งแรงสมบูรณ์ดีทุกประการ เว้นแต่รอยสีผิวต่างกันตรงช่วงลำตัวที่แยกสีออกเป็น 2 ซีกซ้าย-ขวาอย่างชัดเจน มารดาของเธอรู้สึกแปลกใจ แต่เมื่อพาลูกไปพบแพทย์หลายรายแล้วก็ล้วนแต่ได้รับคำวินิจฉัยว่าไม่ได้มีอะไรผิดปกติและคงจะเป็นเพียงแค่ปานธรรมดาๆ เท่านั้น จึงไม่ได้กังวลอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก

ด้านเทเลอร์ก็ไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ตนเองเป็นนั้นผิดแปลกอะไร กระทั่งตอนเริ่มเรียนเต้นช่วงอายุ 8-10 ขวบ เธอเริ่มสังเกตว่าเพื่อนๆ ไม่เห็นมีรอยปานแบ่งสีอย่างที่เธอเป็น หลังจากเธอก็เริ่มระมัดระวังในการแต่งตัวให้ปกปิดเพื่อไม่ให้ใครมองเห็นรอยสีผิวแตกต่างบนตัวเธอได้

แต่สถานการณ์ดูเหมือนไม่เข้าข้างเธอนัก เทเลอร์ในวัยแรกรุ่นเริ่มเจ็บป่วยบ่อยโดยที่แพทย์ก็ไม่สามารถหาสาเหตุได้ว่าเกิดขึ้นจากอะไร เริ่มจากมีปัญหาเกี่ยวกับภูมิต้านทานร่างกาย เธอค้นพบว่าตัวเองแพ้อาหารหลายอย่าง แพ้ยาหลายตัว และผิวแพ้ง่ายมากบนร่างกายฝั่งที่สีผิวอ่อนกว่า เธอแพ้แมลงกัด แพ้ต่างหู ใส่ได้แต่ต่างหูทองคำขาวเท่านั้น ขณะที่อีกฝั่งของร่างกายที่ผิวเข้มกว่ากลับเป็นปกติดี

จากการทำทดสอบอาการแพ้หลายครั้งและการเข้าโรงพยาบาลอีกนับไม่ถ้วน ที่สุดแล้วในปี 2009 เทเลอร์ก็ได้รับคำเฉลยที่ปลดล็อกปัญหาที่เธอประสบเกี่ยวกับร่างกายตัวเอง นั่นคือเธอมีอาการ “ไคเมริซึม” ประเภท “tetragametic chimerism” คือ ในครรภ์มารดามีไข่ที่ได้รับการผสม 2 ใบ อันควรจะเจริญเป็นทารก 2 คนที่เป็นฝาแฝดต่างไข่กัน แต่การพัฒนาการระยะไซโกตที่ไข่จะเริ่มแบ่งตัวสร้างสารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอของตนเองเพื่อเตรียมเข้าสู่ระยะตัวอ่อนหรือเอ็มบริโอนั้น ไซโกตทั้ง 2 กลับแบ่งตัวเข้ามาผสมกัน และกลายเป็นไข่ใบของเทเลอร์ที่กลืนรวมไข่อีกใบเข้าไปและได้พัฒนาต่อเป็นเอ็มบริโอ เติบโตเป็นทารกน้อยในครรภ์ จนกระทั่งคลอดออกมา

ด้วยภาวะไคเมริซึ่มนี้เอง เทเลอร์จึงมีดีเอ็นเอในร่างกาย 2 ชุด มีระบบเลือด 2 แบบ และยังทำให้ภูมิคุ้มกันของเธออ่อนไหวต่อสิ่งกระตุ้นแทบทุกชนิด เพราะร่างกายเธอตีความฝาแฝดที่แฝงในร่างเดียวกันเป็นสิ่งแปลกปลอมจึงมีความพยายามต่อต้านอยู่ตลอดเวลา และสีผิวฝั่งที่เข้มกว่าบนลำตัวนั้นก็เป็นลักษณะของฝาแฝดที่ไม่อาจปรากฎร่างฝากมานั่นเอง และไม่ใช่เรื่องแปลกที่แม้จะพบแพทย์หลายรายแต่ก็ไม่มีใครวินิจฉัยพบภาวะนี้ เพราะภาวะไคเมริซึมสามารถแสดงออกได้แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ทั้งยังต้องได้รับการตรวจวิเคราะห์อย่างละเอียดด้วย 

ทั้งนี้แม้เทเลอร์จะได้รู้ความจริงเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2009 แต่กว่าเธอจะกล้าออกมาเปิดเผยเรื่องราว รวมทั้งเผยรอยผิวสีที่แตกต่างบนร่างกายให้ใครๆ ได้เห็นก็เพิ่งจะเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมานี้เอง ก่อนหน้านั้นเธอต่อสู้กับความหวาดกลัวที่จะโดนมองอย่างผิดแผก แต่ท้ายที่สุดเธอก็เรียนรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องอาย และหากจะมีใครที่ไม่ชอบใจหรือรับเรื่องนี้ไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องพะวง เพราะมันเป็นสิ่งที่อยูเหนือการควบคุมของเธอแล้วจริงๆ เพียงยอมรับ รักตัวตนของตนเอง และใช้ชีวิตของตัวเองอย่างดีที่สุดเท่านั้นก็พอ

สำหรับเทเลอร์ เธอไม่เพียงใช้ชีวิตของตัวเองให้ดีที่สุดอย่างเดียวเท่านั้น เธอตระหนักดีว่าการออกมาเปิดเผยเรื่องราวของตัวเองอาจช่วยเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ ที่กำลังอ่อนแอได้ลุกขึ้นมารักและมีทัศนคติด้านบวกในสิ่งที่ตนเองเป็น ซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างดี หลายๆ ข้อความที่เธอได้รับกลับมาขอบคุณและบอกเธอว่า “You make me feel beautiful.” เรื่องราวของคุณทำให้ฉันรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองเป็นนั้นช่างงดงามเหลือเกิน 🙂

อ้างอิง: huffingtonpost, livescience, taylormuhl, wikipedia
ภาพ: เฟซบุ๊ก Taylor Muhl