ฟังเรื่องราวของพ่ออันน่าประทับใจ จากปากช่างภาพผู้ตามเสด็จในหลวง ร.9

คุณเทวิน จรรยาวงษ์ ช่างภาพผู้มีโอกาสได้ถวายงานตามเสด็จในหลวง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มายาวนานกว่า 40 ปี พูดคุยถึงเรื่องราวของพระองค์อันน่าประทับใจ จากมุมมองของผู้ถวายงานใกล้ชิด ที่ประชาชนทั่วไปอาจไม่เคยทราบ

การพูดคุยนี้เกิดขึ้นในรายการต่างคนต่างคิด ทางช่องอมรินทร์ทีวี ออกอากาศเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2560 โดยทางรายการจะเชิญบุคคลต่างๆ ที่เคยมีโอกาสถวายงานหรือเข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ 9 มาร่วมพูดคุยถึงความประทับใจที่มีต่อพ่อหลวงของชาวไทยในมุมมองต่างๆ โดยจะเชิญแขกพิเศษมาเช่นนี้จนกว่าจะถึงวันพระราชพิธีถวายพระเพลิง เพื่อน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสำหรับแขกคนแรกของก็คือ คุณเทวิน จรรยาวงษ์ ช่างภาพผู้ได้ตามเสด็จในหลวง ร.9 ยามไปทรงงานในพื้นที่ต่างๆ มานานกว่า 40 ปี มาพูดคุยในตอน “ในหลวงของปวงประชา จากผู้มองพระราชาผ่านเลนส์”

ภาพขณะในหลวง ร.9 กำลังทรงงานที่เราคุ้นตาหลายภาพมาจากฝีมือของคุณเทวิน และเพื่อให้ได้ภาพสวยงาม เก็บบรรยากาศและบอกเล่าเรื่องราว ณ ขณะนั้นผ่านภาพถ่ายออกมาได้ดี ก็ย่อมต้องตามเสด็จอย่างใกล้ชิด จึงได้สัมผัสและรับรู้ถึงความตั้งใจจริงและความพยายามอย่างหนักโดยไม่ย่อท้อต่อความเหน็ดเหนื่อยของพระองค์ ที่ต้องการทำให้ประชาชนของท่านมีความเป็นอยู่ที่ดี และสิ่งเหล่านี้คือเรื่องราวที่คุณเทวินได้ถ่ายทอดออกมา

– ท่านทรงงานเหนื่อยกว่าที่เราคิด
คนทั่วไปอาจคิดว่าเวลาในหลวงเสด็จออกต่างจังหวัดคงไม่ได้ทรงงานหนักมาก เมื่อถูกถามในฐานะคนติดตามใกล้ชิดว่าทำงานกับท่านเหนื่่อยไหม คุณเทวินตอบว่าเหนื่อยมาก เหนื่อยกว่าที่เราคิด ท่านเดินป่าเดินเขามาตั้งแต่ช่วงปี 2520 ต้นๆ ทรงแข็งแรงมาก เดินไกลมาก เสด็จลงจากเฮลิคอปเตอร์ก็ออกเดินทันที นอกจากนี้ก็ทรงมีความกล้าหาญมาก อย่างตอนตามเสด็จครั้งแรกที่ไปดอยอ่างขาง ตอนนั้นยังไม่มีโครงการหลวง ก็ถือว่าเป็นพื้นที่เสียง เจ้าหน้าที่ก็กังวลเรื่องความปลอดภัย แต่ท่านก็เสด็จไปโดยเฮลิคอปเตอร์อย่างเปิดเผยเห็นเด่นชัด ท่านทรงกล้าหาญ เพราะพระองค์ทรงรู้ว่าตนเองไปด้วยจุดประสงค์ที่ดี

– ไม่โปรดให้สร้างสนามบินใกล้หมู่บ้าน
พระบาทสมเด็จกระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ไม่โปรดให้สร้างสนามบินใกล้หมู่บ้าน เพราะกลัวลมจากใบพัดจะไปสร้างความเสียหายให้บ้านของประชาชน จึงสร้างลานจอดไกลจากหมู่บ้านออกไป 4-5 กม. เมื่อเครื่องลงท่านก็เสด็จพระราชดำเนินไปหมู่บ้าน หนทางก็ไม่ได้มีการตระเตรียมอะไร เป็นหินเป็นดิน ทรงพระดำเนินเลาะป่าเลาะเขาตามธรรมชาติ

– แผนที่ไม่เคยห่างพระหัตถ์ และจดรายละเอียดต่างๆ ด้วยพระองค์เอง
ยามเสด็จไปแห่งใดพระองค์จะดูสภาพแวดล้อมทุกอย่าง แผนที่คือสิ่งที่ติดตัวท่านเสมอ ทรงจดรายละเอียดต่างๆ ด้วยพระองค์เอง ท่านดูหมดว่าตรงไหนมีตาน้ำ ตรงไหนมีแหล่งน้ำ ตรงไหนเป็นเนิน ตรงไหนเหมาะจะเพาะปลูก รู้เพื่อจะได้รู้ว่าต้องทำอย่างไรเพื่อพื้นที่นั้นถึงจะดีขึ้นมาได้ นอกจากสังเกต ท่านยังทรงศึกษาข้อมูลล่วงหน้าเยอะ บางครั้งท่านยังรู้รายละเอียดดีกว่าเจ้าหน้าที่ที่มารายงานข้อมูลเสียอีก

และในเรื่องการทรงงาน ท่านมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงต่อการจะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี และยังกำชับเจ้าหน้าที่อยู่เสมอว่า ต้องทำงานทำทุกอย่างให้ได้ดี เพราะประชาชนรอเราอยู่จริงๆ

– พระองค์เป็นกษัตริย์ที่มีความสุขเมื่อได้อยู่กับประชาชน
หลายครั้งที่ในหลวงทรงงานจนเลยเวลาตามกำหนดการ และมักเป็นเช่นนี้อยู่บ่อยๆ จนอดสงสยไม่ได้ว่าพระองค์ไม่รู้สึกหิวบ้างหรือ ซึ่งคุณเทวินบอกว่า สัมผัสได้ว่าท่านทรงมีความสุขเมื่อได้อยู่กับประชาชน ท่านทรงนั่งพูดคุยกับประชาชนได้เป็นเวลานาน

– เป็นราชาผู้มีมีกุศโลบายที่ดี
ตอนท่านเสด็จไปป่าไปดอยที่ยังมีการปลูกฝิ่น พระองค์ทรงอยากให้ชาวบ้านเลิกปลูกฝิ่น แต่ก็ไม่ได้ตรัสห้าม แต่ท่านนำพืชเมืองหนาวเข้าไปให้ บอกว่าสิ่งเหล่านี้ดี แล้วก็ชักชวนชาวบ้านให้มาทดลองปลูกกัน นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการหลวง ด้วยความปรารถนาดีที่จริงแท้และวิธีการอันละมุนละม่อม ท่านทำให้ฝิ่นหมดไปได้โดยไม่มีการบังคับหรือใช้ความรุนแรงเลย

– ในหลวง ร.9 ใจดี
คุณเทวินเผยว่า ยามท่านทรงงานในกรุงเทพฯ อาจดูเคร่งขรึม แต่ท่านไม่ได้ดุเลย ยิ่งยามท่านเสด็จออกต่างจังหวัด ท่านอารมณ์ดี ยังมีตรัสเล่นกับเจ้าหน้าที่บ่อยครั้ง และทรงไม่ถือตัว เจอชาวบ้านนั่งรับเสด็จท่านก็ทรงประทับกับพื้นดิน ตรัสทักทายถามสารทุกข์สุกดิบของชาวบ้าน

– ทุกสิ่งที่ตรัสถามกับประชาชน เพื่อต้องการทราบความเป็นอยู่ ลำบากอย่างไรท่านจะหาวิธีแก้ไขให้
คำถามที่ท่านตรัสถามประชาชนที่มารับเสด็จอยู่ทุกครั้ง ยิ่งเมื่อเห็นชาวบ้านนำผลผลิตการเกษตรมาถวายให้ คือถามว่าน้ำเป็นอย่างไร เพาะปลูกได้หรือไม่ จุดประสงค์ก็เพื่อจะได้ทราบว่าประชาชนของพระองค์เป็นอยู่ลำบากไหม จะได้ทรงหาทางแก้ไข

– พระองค์เป็นกษัตริย์ผู้สมถะ ความพอเพียงคือวิถีการดำเนินชีวิตของพระองค์จริงๆ
ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีกล้องถ่ายรูปติดตัวเสมอ และเมื่อครั้งทรงเรือใบที่วังไกลกังวล ท่านก็มีกล้องที่ถ่ายใต้น้ำได้ แต่กล้องที่พระองค์ใช้ก็เป็นตัวที่ราคาเพียงหลักพัน ทั้งที่ท่านสามารถใช้กล้องคุณภาพเป็นแสนก็ได้ ส่วนและกล้องที่ท่านใช้ประจำไม่ได้มีราคาแพงมากมายอะไร แม้จะมีผู้นำกล้องราคาสูงมาถวาย ท่านก็ใช้เพียงระยะเวลาสั้นๆ แล้วก็มาใช้กล้องตัวเดิม เพราะจุดประสงค์หลักของท่านคือกล้องที่ใช้เพื่อทำงาน

ส่วนฉลองพระองค์ท่านก็ทรงตัวเดิมแม้จะเก่าจนคอปกขาดรุ่ย แต่ก็ยังใช้ได้ นี่คือ “ความพอเพียง” ที่ท่านทรงสอน ที่ท่านทรงเป็น และทรงทำให้เห็นจริงๆ

– กษัตริย์ผู้มุ่งมั่นและรักษาเวลา
สำหรับในหลวง ร.9 หากทรงงาน เมื่อนัดแล้วก็ต้องเป็นนัด แม้ฝนจะตก แดดจะออกอย่างไร ท่านทรงไม่เคยเลื่อนนัด ท่านมุ่งมั่นทำงานของท่าน จริงจังกับงานและการอยู่กับประชาชนของท่านเสมอ

ภาพจำของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่หลายคนนึกถึง คือกษัตริย์ผู้มีแผนที่และกล้องติดพระองค์อยู่เสมอ คุณเทวินยังเผยว่า รูปถ่ายส่วนใหญ่ของท่านก็คือ งานที่ท่านทรงทำ งานเหล่านั้นก็คือโครงการต่างๆ โครงการที่จะนำมาซึ่งความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน และอีกสิ่งที่ท่านโปรดถ่ายก็คือภาพของประชาชน ยามมีการรับเสด็จเมื่อเสด็จไปที่ไหน เจอภาพประทับใจท่านก็จะถ่ายเก็บไว้

ส่วนเรื่องเหตุการณ์ที่ได้ใกล้ชิดพระองค์ท่านที่สุดและจดจำได้ดีจนถึงตอนนี้ คุณเทวินบอกว่าเป็นตอนได้ตามเสด็จท่านเมื่อครั้งท่านทรงเรือใบ ท่านได้เสด็จพระราชดำเนินมาใกล้ แล้วท่านก็หยุด ตัวคุณเทวินนั้นก็ยืนตรงตามระเบียบปฏิบัติ แต่แล้วท่านก็ยิ้มให้และตรัสว่า ขอบใจนะที่มาช่วงถ่ายงานให้ นี่เป็นภาพที่จำได้แม่นยำจนถึงตอนนี้

ตลอดพระชนม์ชีพของท่าน ท่านทรงงานหนัก และได้เห็นผลงานเป็นชิ้นอันจริงๆ เดี๋ยวนี้เข้าไปร้านค้าก็จะเห็นผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวง เห็นพืชผักที่ไม่เคยเห็นที่ท่านนำมาให้ปลูก เหตุผลเดียวที่ท่านทรงงานหนักขนาดนี้ เพียงเพราะเหตุผลเดียวคือ “พระองค์รักประชาชน” ทุกๆ ลมหายจของท่านอยู่กับเรื่องความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทยอย่างแท้จริง

ที่มาและภาพ: รายการต่างคนต่างคิด