‘แพรวา’ แจงศาล เหตุบำเพ็ญประโยชน์ผิดเงื่อนไข เตรียมฟังผลอีกครั้ง ส.ค.นี้

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ถ.กำแพงเพชร มีนัดไต่สวนคำร้องที่เจ้าพนักงานคุมประพฤติ ขอให้ศาลพิจารณา กรณี น.ส.แพรวา (นามสมมติ) จำเลยคดีขับรถยนต์ฮอนด้าซีวิค เฉี่ยวชนรถตู้โดยสารสายธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต-หมอชิต บนทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ เป็นเหตุให้คนขับรถตู้และผู้โดยสารเสียชีวิตรวม 9 ราย เมื่อปี 2553 เนื่องจากกระทำผิดเงื่อนไขการคุมประพฤติในการบำเพ็ญประโยชน์

ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้จำเลยมีความผิดฐานขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และทำให้ทรัพย์สินเสียหาย คำให้การในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกเป็นเวลา 2 ปี โทษจำคุกให้รอลงอาญาเป็นเวลา 3 ปี โดยคุมประพฤติจำเลย 3 ปี และให้รายงานตัวทุกๆ 3 เดือน พร้อมให้ทำงานบริการสังคมโดยการดูแลผู้ป่วยจากอุบัติเหตุเป็นเวลา 48 ชั่วโมง รวมทั้งห้ามจำเลยขับรถยนต์จนกว่าจะมีอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์ ด้านศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้ จากที่รอลงอาญา 3 ปี ให้ระยะเวลารอลงอาญาเป็น 4 ปี และให้บำเพ็ญประโยชน์ 48 ชั่วโมงต่อปี เป็นเวลารวม 4 ปี ส่วนโทษอื่นให้คงตามศาลชั้นต้น ส่วนศาลฎีกาไม่รับฎีกา จึงถือคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด

สำหรับการนัดไต่สวนล่าสุด หลังจาก น.ส.แพรวา ผู้ถูกคุมประพฤติได้ฟังคำเบิกความของเจ้าพนักงานคุมประพฤติเกี่ยวกับกฎระเบียบแล้ว จึงแถลงต่อศาลว่า ที่ผ่านมาไม่ได้กระทำตามกฎระเบียบ โดยที่ผ่านมา ได้ทำการบริจาคโลหิตเป็นเวลา 6 ชั่วโมงตรงตามเกณฑ์แล้ว แต่ส่วนที่เหลืออีก 138 ชั่วโมงผู้ถูกคุมประพฤติระบุว่าได้ทำการบำเพ็ญประโยชน์ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าอีก 90 ชั่วโมง โดยเหลือเวลาบำเพ็ญประโยชน์อีก 48 ชั่วโมงนั้น ปรากฏว่าขณะที่ได้ทำการบำเพ็ญประโยชน์นั้นโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้ายังไม่ใช่ภาคีกับกรมคุมประพฤติ อย่างไรก็ดี น.ส.แพรวา ขอทำกิจกรรมบริการสังคมใหม่ให้ครบถ้วน ศาลจึงนัดพร้อมเพื่อฟังผลการทำกิจกรรมของผู้ถูกคุมประพฤติ ในวันที่ 23 สิงหาคมนี้

ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์