UddC ชี้ ‘ราชวงศ์’ ครองแชมป์ถนนเดินดี ลุยพัฒนากรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองน่าเดิน

ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (UddC) ร่วมกับสสส. จัดงานการนำเสนอผลงานโครงการเมืองเดินได้-เมืองเดินดี ระยะที่ 2
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559 ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเดินเท้าในกรุงเทพมหานคร ซึ่งกำลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนจากระบบล้อเป็น “ระบบราง” ในศตวรรษที่ 3 นี้

ในงาน ผศ.ดร.นิรมล กุลศรีสมบัติ หัวหน้าโครงการฯ ได้สรุปผลการศึกษาของ Good Walk Thailand ในระยะที่ 1 ที่สำรวจพื้นที่เมืองเดินได้ทั่วทุกเขตในกรุงเทพมหานครมาตั้งแต่ปี 2557 โดยพบว่ามีพื้นที่เพียง 11% ของกรุงเทพฯ เท่านั้นที่สามารถ “เดินได้” นั่นคือจุดหมายปลายทางในชีวิตประจำวัน เช่น สถานที่ทำงาน สถานศึกษา แหล่งนันทนาการ และจุดเชื่อมต่อขนส่งมวลชน อยู่ในระยะที่สามารถเดินไปถึงกัน โดยผลการศึกษาพบว่าคนไทยจะยอมเดินได้ไกลที่สุดในระยะ 800 เมตร (ประมาณ 10 นาที) และผู้ที่เปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้า BTS ในการเดินทาง จะยอมเดินมากขึ้นถึง 2 เท่า แต่อุปสรรคสำคัญของการเดินในกรุงเทพฯ ก็คือสิ่งกีดขวางบนทางเท้า ขาดร่มเงาและสกปรก

การศึกษาโครงการเมืองเดินได้-เดินดี ในระยะที่ 2 จึงเลือกสำรวจพื้นที่ในกรุงเทพฯ 34 พื้นที่ และถนนกว่า 965 เส้นที่จะชี้วัดการเป็น “ย่านเดินดี” ได้เพื่อพัฒนาต่อไป โดยดร.พรสรร วิเชียรประดิษฐ์ เป็นตัวแทนกล่าวผลการศึกษานี้ ซึ่งมี 3 องค์ประกอบหลักในการให้คะแนนถนนเส้นต่างๆ คือ ความปลอดภัย ความสะดวก และความมีชีวิตชีวา

อันดับ 1 ของถนนเดินดีที่ทำการสำรวจมาเป็นของถนนราชวงศ์ ได้ 33 คะแนนจาก 40 คะแนน ซึ่งอาจต่างจากความคุ้นชินของคนกรุงเทพฯ โดยดร.พรสรรชี้แจงว่าถนนราชวงศ์มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครันแล้ว เช่น ไฟส่องสว่าง ทางเท้าที่กว้าง และเป็นถนนที่มีร้านรวง กิจกรรมและต้นไม้ร่มรื่น แต่ปัญหาอยู่ที่การบริหารจัดการที่อาจทำให้ขณะนี้ยังเดินได้ไม่สะดวก ซึ่งสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้

ส่วนอันดับที่ 2 ได้แก่ ถ.จักรพงษ์ ถ.ลาดหญ้า ถ.ยุคล 2 ซ.สยามสแควร์ 7, อันดับที่ 3 ได้แก่ ถ.พระรามที่ 1, อันดับที่ 4 ได้แก่ ถ.สีลม และซ.จุฬาลงกรณ์ 12 ส่วนอันดับที่ 5 ได้แก่ถ.พระอาทิตย์ ถ.ตรีเพชร ถ.สุขุมวิท และถ.หน้าพระธาตุ

ผลการสำรวจดังกล่าว ยังสะท้อนว่า 3 ย่านสำคัญ คือรอบเกาะรัตนโกสินทร์, สยาม-ปทุมวัน และย่านเยาวราช สามารถพัฒนาระบบกายภาพและปรับปรุงการผังเมืองให้กลายเป็นพื้นที่ต้นแบบได้โดยทันที ซึ่งจะอยู่ในการทำงานระยะที่ 3 ของโครงการฯ ต่อไป

ในงานนี้ มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครยังให้เกียรติมาเป็นประธานเปิดงานในพิธี และแสดงความคิดเห็นว่าการจะพัฒนาให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองเดินได้-เดินดีนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน และการรวมศูนย์อำนาจหน้าที่ให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อลดปัญหาในขั้นตอนการประสานงาน

“กรุงเทพมหานครทุกวันนี้มีการสัญจรวันละ 17 ล้านเที่ยวคน โดยร้อยละ 60 เป็นการสัญจรโดยยานพาหนะส่วนตัว และอีกร้อยละ 40 เป็นการสัญจรโดยใช้ระบบขนส่งมวลชน แม้ภายในปี 2572 ระบบรางจะพัฒนามากขึ้น แต่สัดส่วนการใช้รถยนต์ส่วนตัวต่อขนส่งมวลชนของประชาชนจะยังคงเท่าเดิม ดังนั้นต้องทำให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ด้วยการจัดระบบกายภาพของเมืองให้น่าเดิน เช่น ทำสกายวอล์ก ควบคู่ไปกับมาตรการคุมกำเนิดรถยนต์” มรว.สุขุมพันธ์กล่าว

สำหรับข้อมูลผลการศึกษาโครงการเมืองเดินได้-เมืองเดินดีทั้งหมด จะถูกเผยแพร่สู่สาธารณะในเว็บไซต์ www.goodwalk.org เพื่อให้ประชาชนและหน่วยงานต่างๆ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนกรุงเทพฯต่อไป

ภาพ: ภาณุพันธ์ วีรวภูษิต