Upstarts: ความรักหวานๆ เย็นๆ ในถ้วยน้ำแข็งไสของ “Seobinggo”

ประสบการณ์ยืนเกาะรถเข็นคุณลุงขายน้ำแข็งไสราดน้ำแดงน้ำเขียวสีสันสดใส ก่อนราดนมข้นหวานปิดท้าย น่าจะเป็นความทรงจำวัยเด็กที่เราเคยมีร่วมกัน ทว่าตอนนี้คงหารสชาติต้นตำรับจากรถเข็นข้างทางยากสักหน่อย เพราะเหมือนความคลาสสิคแบบนี้ค่อยๆ หายไปตามกาลเวลา

แต่หากไปเดินตามห้างสรรพสินค้า เราจะได้เจอกับร้านน้ำแข็งไสให้เลือกมากมาย ราคาถ้วยละหลายสิบบาทไปยันหลักร้อยบาท แต่งหน้าด้วยท็อปปิ้งเพิ่มมูลค่า ไม่ว่าจะผลไม้สด มาร์ชเมลโล เกล็ดช็อคโกแลต ตามความชอบ ซึ่งสิ่งเดียวที่มันเหมือนกันในทุกถ้วยไม่ว่าจะถูกหรือแพงคือความเย็นชื่นใจไม่ต่างกัน

วันนี้เราจึงแวะมาชิมน้ำแข็งไสในอีกแบบที่ร้าน Seobinggo (ซอ-บิง-โก) ตอนได้ยินคำบอกเล่าครั้งแรก เราแปลกใจอยู่เล็กๆ เมื่อรู้ว่าที่เกาหลีก็มีน้ำแข็งไสเหมือนกัน เรียกว่า ‘บิงซู’ เกล็ดน้ำแข็งละเอียดนุ่มละลายในปาก ผสานกับท็อปปิ้งโรยหน้าในถ้วยใหญ่อลังการ คืิอเสน่ห์ที่ทำให้มันกลายเป็นที่นิยมของวัยรุ่นไทยในขณะนี้
 

“ที่เกาหลีบิงซูดังมาหลายปีแล้วค่ะ แต่ทางเรากับพี่หุ้นส่วนเห็นว่าที่เมืองไทยยังไม่มีนะ คือเราก็ลองพาพี่เค้าไปชิมหลายที่ แต่เค้าก็บอกว่ายังไม่ใช่ ยังไม่เหมือนของที่เกาหลีเลย ตัวน้ำแข็งไม่ละเอียดเท่าที่เค้าเคยทาน” คุณฝ้าย-เพชรลักษณ์ สุขะมงคล หนึ่งในหุ้นส่วนของร้านตอบเราด้วยความคล่องแคล่ว ว่าทำไมเราถึงมาเจอร้านน้ำแข็งไสเกาหลีในย่านวัยรุ่นไทยอย่างสยามสแควร์

ถึงแม้ Seobinggo จะไม่ใช่ร้านบิงซูร้านแรกในเมืองไทย แต่ฝ้ายมั่นใจว่าเป็นร้านแรกที่ทำเหมือนออริจินัลที่สุด เพราะหุ้นส่วนคนสำคัญชาวเกาหลีอย่างคุณยองจินได้ช่วยคิดสูตร หาอุปกรณ์ ติดต่อโรงงานและซัพพลายเออร์ ควบคุมกรรมวิธีการผลิตด้วยตัวเองทุกขั้นตอน โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งแฟรนไชส์จากประเทศเกาหลี ซึ่งอาจต้องใช้เงินลงทุนสูงกว่า

“ตอนแรกฝ้ายเปิดร้านขายชานมไข่มุกอยู่แถวอ่อนนุชค่ะ แล้วมาเจอพี่คนเกาหลีคนนึงซึ่งเค้ามาเที่ยวเมืองไทย พักอยู่ใกล้ๆ กับคอนโดที่ขายชานมของฝ้าย ก็มาทานทุกวัน จนได้คุยกันสนิทกันสักพักใหญ่ๆ ตอนนั้นสัญญาเช่าที่ร้านขายชานมของฝ้ายกำลังจะหมด ฝ้ายเลยบอกเค้าว่าจะย้ายร้านไปเปิดที่อื่น เพราะค่าเช่าที่มันสูง พี่เค้าเลยแนะนำว่า ชานมเมืองไทยมีเยอะแล้ว ตัวพี่เค้าเองก็อยากทำธุรกิจในเมืองไทยด้วย เลยถามว่างั้นเรามาลงทุนร่วมกันมั้ย”
 

จากนั้น ร้าน Seobinggo ก็กลายเป็นร้านที่วัยรุ่นสยามยกนิ้วให้ทั้งเรื่องความแปลกใหม่และรสชาติที่ลงตัว การันตีจากลูกค้าที่เข้ามาแวะเวียนต้องยืนรอต่อคิวในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ เนื่องจากกว่าจะได้บิงซูหนึ่งถ้วยต้องใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ก่อนออกเสิร์ฟเพื่อให้มันออกมาดูสวยงามน่ากินเวลาที่ลูกค้าจะแชะภาพไปอวดเพื่อนในโซเชียล

“เราต่างและโดดเด่นจากร้านอื่นๆ ตรงที่ตัวเกล็ดน้ำแข็ง ถ้าน้ำแข็งไสของคนไทยจะเป็นเกล็ดๆ รู้ว่าเป็นน้ำแข็ง แต่ของเราจะละเอียดนุ่มเหมือนหิมะ เพราะเราอิมพอร์ตเครื่องมาจากเกาหลีเลย ส่วนหน้าท็อปปิ้ง หลักๆ ก็จะมีเหมือนที่เกาหลีมี เช่น In Jeol Mi, บลูเบอรี่, มะม่วง แต่ทางเกาหลีมะม่วงจะเป็นแบบแช่แข็ง แต่ของไทยโชคดีที่บ้านเรามีมะม่วงตลอดทั้งปี ทั้งหอม หวาน อร่อยค่ะ”

ทางเข้าร้านนี้อาจจะเล็กแคบไปสักหน่อย ต้องเดินขึ้นบันไดเวียนก่อนจะเจอตัวร้านบนชั้นสอง ซึ่งตกแต่งด้วยสีโทนอุ่นละมุนเรียบง่ายสไตล์ตะวันออก  มีกลิ่นอายความเป็นเกาหลีนิดๆ จากผนังภาพตัวอักษรภาษาเกาหลี มีโต๊ะรองรับลูกค้า 30 ชุด เพิ่มความน่ารักด้วยหลอดไฟรูปเกล็ดหิมะ เพื่อความลงตัวภายใต้ชื่อร้าน Seobinggo
 

“Seo (ซอ) แปลว่าทิศตะวันตก ส่วน Bing (บิง) แปลว่าน้ำแข็ง และ Go (โก) แปลว่าสถานที่เก็บ ตอนคิดชื่อเราคิดกันเยอะมาก จะใช้อะไรดี ชื่อนั้นชื่อนี้ที่เกาหลีมีหมดแล้ว แต่เราไม่อยากซ้ำกับเค้า และอยากให้ชื่อเรามีความหมาย จนมาได้คำว่าซอบิงโก เป็นชื่อเรียกสถานที่เก็บน้ำแข็งของพระราชาในสมัยก่อนที่ยังไม่มีตู้แช่ เค้าก็จะเก็บน้ำแข็งตอนหน้าหนาว เอาไว้ใช้ในช่วงหน้าร้อน  ซึ่งคนที่ได้ใช้คือเฉพาะในวังเท่านั้น”

ลองพลิกมาดูเมนูของร้าน ที่นี่จะไม่มีแผ่นเมนูใบใหญ่ให้ลูกค้าได้อ่าน แต่จะใช้ iPad โชว์รูปเมนูผ่านหน้าจอ เมนูขึ้นชื่อของที่นี่ In Jeol Mi (อินเจอมี่) ราคา 180 บาท เป็นเมนูออริจินัลของเกาหลี มีผงถั่ว ต็อก และถั่วอัลมอลด์สไลด์โรยหน้า รสชาติไม่เปรี้ยวจัดไม่หวานจัด หากได้มาลองแล้วไม่ทานรสออริจินัลด้วยถือว่าพลาดอย่างแรง
 

In Jeol Mi 

มาถึงเมนูฮิตที่ขายดีที่สุดและราคาแพงที่สุดในร้าน คือ Mango Cheese (280 บาท) แต่งหน้าด้วยชิ้นมะม่วงและชีสเค้กโฮมเมดตัดเป็นชิ้น เมล็ดอัลมอลด์ และไอศกรีมโยเกิร์ตรสมะม่วงเสาวรส ต่างจากที่เกาหลีซึ่งใช้เป็นไอศกรีมวนิลา ช็อกโกแลต มาพร้อมกับซอสมะม่วงรสชาติกลมกล่อม ถึงแม้ตัวน้ำแข็งจะจืดไปสักนิดหากกินเดี่ยวๆ ดังนั้น ตักทุกส่วนผสมให้ครบในช้อนเดียวก่อนตักเข้าปากด้วยนะ

“ตอนแรกทางเราก็คิดว่าราคามันจะแพงเกินไปรึเปล่า แต่ด้วยเราอยู่ในพื้นที่สยาม แล้วบิงซูหนึ่งถ้วยก็สามารถทานได้ 2-3 คน ถ้วยที่แพงที่สุดก็ 280 บาท พอหารกันก็ไม่ได้แพงและไม่ได้ถูกจนเกินไป คือเปิดร้านก็ต้องมีกำไรบ้างถูกมั้ยคะ แต่ก็ไม่ได้ตั้งราคาแพงจนคนเข้ามาทานไม่ได้”
 

Mango Cheese

 
นอกจากบิงซูแล้ว ที่ร้าน Seobinggo ยังมีโทสต์สไตล์เกาหลี มีต็อกอยู่ในชั้นของขนมปัง เวลาทานจะยืดเหมือนแป้งพิซซ่า รวมไปถึงเค้ก ครัวซองก์ และเครื่องดื่ม อาทิ น้ำผลไม้ ชา กาแฟ สมูทตี้ ไว้ให้บริการอีกด้วย

“ร้านเรามีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เน้นเจาะตลาดนักเรียน นักศึกษา วัยทำงาน กลุ่มคนที่ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก ถ้าทำออกมาสวยๆ รสชาติดี ยังไงคนก็มาร้านเรา ทุกวันนี้เราก็มีคู่แข่ง แต่ในอนาคตเราไม่ได้หยุดแค่บิงซูหรือโทสต์เท่านั้น ด้วยความที่ร้านเรามีหุ้นส่วนเป็นชาวเกาหลี เลยคิดว่าเค้าสามารถเอาไอเดียใหม่ๆ ที่เกาหลีเข้ามาบริการลูกค้าได้ตลอด”

FIND IT:
Seobinggo
ชั้น 2 ตึกตรงข้ามสยามสแควร์ วัน
Tel. 095-7124872
 

ภาพ: สุภิญญา นาคมงคล
 

Upstarts: ล้วงเคล็ดลับความสำเร็จของแบรนด์ธุรกิจอินเทรนด์ ชวนกระตุกไอเดียต่อยอดอีกมากมาย
มีธุรกิจใดน่าสนใจไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก ส่งมาบอกเราได้ที่ [email protected]