2 ทนายชี้ ผู้ต้องหาคดีเบนซ์ชนฟอร์ดอาจเมาแล้วขับ-เข้าฐานเจตนาฆ่า

ขณะที่สังคมไทยกำลังเคลือบแคลงสงสัยการดำเนินคดีกับนายเจนภพ วีรพร ผู้ก่อเหตุขับรถเบนซ์พุ่งชนรถฟอร์ด จนเป็นเหตุให้ 2 นักศึกษาปริญญาโทเสียชีวิต ล่าสุด 2 ทนายชื่อดังได้ให้ความเห็นทางกฏหมายเกี่ยวกับคดีนี้ว่า ผู้ต้องหาอาจมีแอลกอฮอร์ในเลือด และในกรณีนี้ หากดูความเร็วในการขับขี่ก็อาจเข้าข่ายเจตนาฆ่าได้

นายวันชัย สอนศิริ นักกฏหมายชื่อดังได้บอกกับนสพ.เดลินิวส์ว่า “จากหลักฐานที่ปรากฏ ต้องยอมรับว่าผู้ก่อเหตุขับรถเร็วประมาณ 200 กม.ต่อชั่วโมงในถนนที่พลุ่งพล่าน จึงน่าจะเข้าความผิดฐานเจตนาฆ่าคนตาย ไม่ใช่เป็นเรื่องประมาท ทำให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย … เมื่อมีเล็งเห็นผลและมีเจตนาฆ่าคนตาย โทษจะมีได้ถึงจำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต” 

ขณะที่นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความอิสระ ให้ความเห็นกับนสพ.โพสต์ทูเดย์ว่า ตำรวจสามารถใช้อำนาจกักตัวผู้ต้องสงสัยไว้ระยะเวลาหนึ่งจนกว่าผู้ต้องสงสัยจะยอมให้ตรวจสารเสพติดได้ และตามพ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 142  ได้บัญญัติไว้ว่า ถ้าผู้ขับขี่ปฎิเสธไม่ยอมให้พิสูจน์ กฎหมายก็ให้ถือว่าผู้ขับขี่มีแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกฎหมายกำหนด มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000- 20,000 บาท

“ไม่เห็นต้องรอให้ผู้ต้องหาให้ความยินยอมใดๆ ถ้าไม่ยอมให้ตรวจ ก็สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่า บทพิสูจน์ตรงนั้นเป็นโทษแก่เขาเอง คุณไม่ยอมถือว่าคุณผิด ถ้าผู้ขับขี่อ้างว่าบาดเจ็บ ก็ไม่ใช่ปัญหา สามารถไปโรงพยาบาลแล้วรักษาตัวและตรวจเลือดหาผลแอลกอฮอล์ได้อยู่ดี ฉะนั้นถ้าเหตุการณ์เข้าข่ายกฎหมายที่ผมพูดไปนั้น พนักงานสอบสวนพูดไม่ได้ว่า ตรวจเลือดไม่ได้..เขาไม่ให้ตรวจ เพราะคุณมีอำนาจ และถ้าเขาไม่ให้ตรวจจริงๆ ตำรวจอาจเอาผิดฐานขัดขืนเจ้าพนักงานได้ด้วยซ้ำ” ทนายเกิดผลเสริม

ที่มา: เดลินิวส์, โพสต์ทูเดย์